อาหารกล่อง Arigato BENTO

อาหารกล่อง Bennto
Arigato BENTO Kabuki Set

อาหารกล่อง Arigato BENTO

Arigato BENTO Mini-box
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
Heart of Food4
ประโยชน์จากผักและผลไม้ต่างๆ
- หน่อไม้ - หน่อไม้สด ควรกินคู่กับใบหญ้านาง (เป็นการล้างพิษของหน่อไม้ออก) ช่วยขยายหลอดเลือด
- หน่อไม้ดอง บำรุงไต ล้างยา ล้างพิษ
- หัวไช้เท้า ล้างยา ล้างพิษ ฉะนั้นคนป่วยกินยาไม่ควรกิน
- ใบโหระพาและสับปะรด ปั่นน้ำ ช่วยเพิ่มเม็ดเลือด (ใบโหระพาเป็นยาอายุวัฒนะ)
- เหงือกปลาหมอ กับพริกไทย กับน้ำผึ้ง เป็นยาอายุวัฒนะ
- ใบกระเพรา ต้นน้ำดื่ม ช่วยขับลม อาจเติมกูลโครสให้เด็กอยากดื่มก็ได้
- ใบเตย กับ ใบมะนาว ช่วยเพิ่มเม็ดเลือด
- ใบเตย กับ แก่นขนุน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือด
- ผักชี กับสับปะรด ช่วยเพิ่มเม็ดเลือด
- ใบยอ นึ่ง คั้นน้ำ หรือปั่น กินแก้ปวดข้อ ไม่ควรกินสดเพราะมีสารพิษ
- ใบยอ ปั่นกับสับปะรด เพิ่มเม็ดเลือด ใบยอเผา ปิ้ง ยำ หรือใส่ในห่อหมก แก้ไอ คัดจมูก
- เนื้อลูกยอ กินหน้าหนาว เช่นส้มตำลูกยอดิบ ล้างพิษได้ กินฤดูอื่น ช่วยขับพยาธิ ควรได้กินปีละครั้ง
- ลูกยอสุก เอาเม็ดออก ผสมยาสระผมสมุนไพร แก้เหา แก้คันจากไรฝุ่น ใช้ขับประจำเดือนอย่างแรง (ระวังอาจแท้งได้) ลูกยอมีฮอร์โมนเอสโตรเจน และตัวเบื่อเมา ใช้สับปะรดใส่ช่วยดับกลิ่นลูกยอได้
- ขี้เหล็ก ช่วยขับถ่ายดี เพิ่มเม็ดเลือด นอนหลับดี ไม่ควรกินสด เพราะมีสารพิษ
- สะเดา ถ้ากินน้อย กินสดไม่เป็นไร ถ้ากินมาก ควรทำให้สุกก่อน
- สะเดาสด ลวก ช่วยระบบท้องดี เพิ่มน้ำย่อย ลดไข้ ล้างไขมัน อย่าทานทุกวัน จะปวดเมื่อยตัว
- โรคเก๊าท์ รักษาโดยการกินลูกเดือยแทนข้าว 80 % ของอาหาร 3 มื้อใน 7 วันจะหายได้
- เห็ดหูหนูดำ เม็ดบัว งาดำ กินบำรุงไต
- เห็ดหูหนูขาว บำรุงปอด
- เห็ดมีโปรตีนที่ดูดซึมได้ดีกว่าเนื้อสัตว์ ถั่ว มีกรดอมิโน สลายสารและต้านอนุมูลอิสระ
- ขนุน บำรุงหัวใจ
- กลอย เป็นอาหารแป้ง ช่วยอุ้มไขมันไปทิ้ง เหมือน มันเทศ บุก กรอบภูเขา ฮ่วยซัว
- มันเทศ กินแก้อ่อนเพลีย แก้ม้ามชื้น ซึ่งทำให้อ้วนง่าย กินแล้วผอม
- มันสำปะหลัง กินแล้วอ้วน กินตอน 9.00 น เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย
- ใบมะยม กินสดหรือต้มน้ำ (ต้มทั้งก้าน) แก้เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลดปวดหัว บำรุงตับอ่อน ช่วยปรับระดับน้ำตาลในสมดุล ช่วยระบาย บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ทำให้เจริญอาหาร ช่วยย่อย หรือใช้สูตรต้มกับหมูสับหรือเต้าหู้กินบำรุงกำลังดี กากใยของใบมะยมยังช่วยขับไขมันได้ดีด้วย จึงควรปลูกมะยมไว้ประจำบ้าน ปลูกในกระถางก็ได้ การหักให้หักทั้งกิ่งที่ยอดเพื่อให้มันแตกกิ่งเพิ่ม
- รากเตย ต้มน้ำ ดื่มแก้เบาหวาน ดีกับตับอ่อน
- ใบขลู่ (ไม่แน่ใจว่าสะกดคำถูงต้องหรือไม่) ช่วยลดไขมันในเลือดได้ดี โดยเอาใบขลู่ต้มกับกระเจี๊ยบ-พุทราจีน หรือนำมาผัดหมู่สับ ใส่ขึ้นฉ่าย และเกี้ยมบ๊วย แก้ริดสีดวงทวาร ลดเบาหวาน
- ใบขลู่ ปั่นกับสับปะรด เพิ่มเม็ดเลือด หรือตากแห้ง นำมาชงดื่มแบบชาก็ดี
- ใบเตยดีกับหัวใจ
- หัวต้นหอมดีกับปอด หางกินแล้วเย็น
- กระชาย จักรพรรดิแห่งสมุนไพร (โสมไทย) ดีกว่าโสมเพราะไม่มีสารที่เป็นพิษ
มี 3 สีคือ
กระชายเหลือง มีโอสถสารสูงสุด หาง่าย
กระชายแดง หายาก
กระชายดำ
ประโยชน์ แก้ความดันสูง เลือดเป็นลิ่ม ฟื้นฟูตับ ต่อมไร้ท่อ ไต หัวใจ เพศ ทำให้ผมดำ เพิ่ม
ฮอร์โมนเอสโตรเจน แคลเซียม เพิ่มสเปิร์ม แก้กระดูกเสื่อม บำรุงสมอง แก้ปวดข้อ ปวดกระดูก ปวดแข้ง ปวดขา ขับลม ให้กำลัง ทำให้ไข่พยาธิฝ่อ กินพร้อมเปลือก กินได้ทั้งต้น ไม่มีพิษ วิธีทำ ใช้กระชาย ½ กิโล คั้นน้ำ 2 ลิตร แยกกาก เก็บในตู้เย็นไว้ดื่ม ตำก็ได้ ผสมน้ำผลไม้ก็ได้ กากไม่ควรกิน เพราะจะดูดโอสถสารกลับ กากใช้ผสมเหล้ากับน้ำตาลทราย พอกเข่าแก้ปวดได้ ใช้เลี้ยงกุ้ง โตเร็ว ไม่ขี้โรค ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ ปลอดภัย ล้างผัก ผลไม้ดีที่สุด ไม่มีสารตกค้างที่ร่างกายไม่ต้องการ การคั้นน้ำได้โอสถสารมากที่สุด การต้มจะเหลือแค่การขับลม การดองเหล้าก็ได้ กินแล้ว คึกทางเพศ กระชาย ที่ใส่ฟอร์มารีนให้แช่ด้วยน้ำเกลือ ล้างออกได้
- น้ำใบบัวบก บำรุงสมอง
- เม็ดบัว ต้มให้เปื่อย ใส่น้ำตาลกรวด ช่วยฟื้นไข้ ฟื้นกำลัง เพิ่มสเปิร์ม เพิ่มโอกาสตั้งครรห์
- แปะก๊วย กับใบบัวบก กับใบพู่ระหง บำรุงผม
- แปะก๊วยมีประโยชน์เหมือนลูกบัว แต่น้อยกว่า และแพงกว่า
- ถั่ว 5 สี (กะยาคู) เป็นยาอายุวัฒนะ ถั่วขาว บำรุงปอด ถั่วแดง บำรุงหัวใจ ถั่วดำ บำรุงไต ถั่วเหลือง บำรุงม้าม ถั่วเขียว บำรุงตับ ใส่เพิ่มลูกเดือย มันเทศก็ได้
- ขมิ้นชัน มีวิตามิน เอ ซี อี บี รวม เบต้าแครอทีน สังกะสี สารสีเหลือง Curcumin ที่ไม่มีในอย่างอื่น ช่วยล้างไขมันในตับ แต่ไม่ล้างพิษ ป้องกันมะเร็ง กินก่อนนอน กินมากไม่มีผลเสีย ช่วยให้ผิวสวย ต้านหวัด ขจัดเซลล์ร้าย เซลล์มะเร็ง (การทำคีโมขจัดเซลล์ทุกอย่าง) ต้านอนุมูลอิสระ แบบผงละลายน้ำดื่มแก้ท้องผูก เปลือกขมิ้นชันกินไม่ได้ มีพิษ กินขมิ้นชันตอนตี 3 บำรุงปอด ผิว
ตี 5 บำรุงลำไส้ใหญ่ ฟื้นปลายประสาท ไม่เป็นริดสีดวง
7 น บำรุงกระเพาะ ทำให้เนื้อแน่น
9 น แก้น้ำเหลืองเสีย เก๊า เบาหวาน ลดความอ้วน
11 น เป็นต้นไป บำรุงตับ ผิว
ถ้าทานแล้วท้องเสีย ร่างการกำลังขับพิษ ให้หยุดแล้วเริ่มทานแต่น้อย
กิน 10 – 20 แคปซูล ตอนเช้าแก้ท้องผูกได้
- น้ำมะพร้าวอ่อน ช่วยเพิ่มฮอร์โมน เอสโตรเจน สำหรับเพศหญิง บำรุงผม
เนื้อมะพร้าว ถ้าอ่อนเป็นวุ้น มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ถ้าเนื้อขาวแข็งมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโลน
- กะทิ สด ละลายในน้ำได้ดี (ไม่เหมือนไขมัน) ช่วยล้างหลอดเลือด ขับพญาธิ ฆ่าฤทธิ์ ช่วยระบาย
- ลูกไข่เน่า ผลไม้สีดำ คล้ายพุทรา เม็ดลีบ กลืนได้ ช่วยระบบขับถ่าย กินแล้วหัวดี กินสดหรือดองน้ำเกลือ
บำรุงไต กระดูก แก้กระดูกผุ บำรุงระบบเพศ สมอง ต่อมไร้ท่อ เหมือนกระชาย มีแคลเซียมสูง
- ใบหญ้าหวาน (สเตอเวีย) เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่มีประโยชน์ มีความหวานเป็น 40 เท่า ต้นน้ำดื่ม บำรุงตับอ่อน ธาตุ แก้ เบาหวาน เพิ่มกำลังวังชา สมานแผลทั้งภายในและภายนอก กินใหม่ๆน้ำตาลจะเพิ่ม
แต่ไม่อ่อนเพลีย กินต่อไปน้ำตาลในเลือดจะลด ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมอง
- น้ำหญ้าหวาน (บำรุงม้าม ธาตุ) ต้มกับเห็ดหูหนูดำ (บำรุงไต) กับน้ำตาลกรวด (บำรุงปอด) ดื่มเพิ่มพลัง
แก้อ่อนเพลีย แต่ดื่มแล้วเย็นใน
- เปลือกมังคุด ต้มน้ำกินช่วยสมานแผล
- ว่านรางจืด ช่วยล้างพิษจากน้ำตาลในเลือด
- ว่านหางจระเข้ ปอกเปลือก เอาเมือกเหลืองๆออก เอาวุ้นใสๆทาแก้แพ้ ผื่นแดงที่เกิดจากน้ำไม่สะอาด
- ลูกเดือย บำรุงเส้นเอ็น บำรุงกระดูก แก้กระดูกแตก
- ลูกเดือยต้มกับถั่วขาว ถั่วขาว 1 ส่วน ลูกเดือย 2 ส่วน ต้มน้ำ 20 เท่า กินแต่น้ำ บำรุงตับ
- ลูกมะหวด มีวิตามินเอ ซี อีสูง และ ฮอร์โมนเอสโตรเจน มาก ต้านอนุมูลอิสระ ฟอกเลือด ใบใช้บ่มมะม่วงให้สุก
- ฟ้าทะลายโจร เป็นยาเย็น เหมือนมะระ ถ้ากลัวเย็นไปให้กินตามด้วยน้ำขิง
- เอาน้ำขิงชงชาก็ดื่มดี การชงชาไม่ควรทิ้งชาแช่ในน้ำนานเกิน 5 นาที เพราะสารแทนนิน จะออกทำให้ท้องผูกและนอนไม่หลับ
- กกเตย ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน
- แกงบอน ช่วยลดความชื้นในร่างกาย ปอดชื้น ไตชื้น ม้ามชื้น
- ฟักข้าว ช่วยขับพยาธิ บำรุงธาตุ ขับไรฝุ่น เอาเปลือกออกกินทั้งเนื้อทั้งเม็ด ต้มยำปลากระป๋อง
- เนยใส (เนยกี) ใช้หยอดหู แก้อาการน้ำในหูไม่สมดุลหรือหยอดจมูก แก้อาการคัดจมูก
- น้ำปัสสาวะ เป็นน้ำที่ได้จากการกลั่นเอาอาหารที่กินเข้าไป เหลือแยกออกมา ฉะนั้นโดยความเป็นจริง
แล้วน้ำปัสสาวะสะอาด (ไม่เหมือนอุจระที่จะสกปรก) และมีสารอาหาร เกลือแร่ เลือด ที่เหลือ จากการดูดซึมเข้าร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาร อินเตอร์เฟอรอล ที่สามารถล้างพิษได้ น้ำ ปัสสาวะสามารถใช้ดื่มเพื่อล้างระบบต่างๆในร่างกายที่มีปัญหา เพียงแต่รองใส่ภาชนะเวลาถ่าย แล้วดื่มได้เลย
- กุยฉ่าย ช่วยลดความดัน ฟอกเลือด
- กระเจี๊ยบแดงต้มกับพุทราจีน ช่วยหัวใจ ลดโคเลสเตอรอล ลดความดัน ลดไตกีเซอไรย์ ปรับเส้นเลือดให้ยึดหยุ่น แข็ง แรง ขยาย-ล้างหลอดเลือด แก้เส้นเลือดปูด ตีบ ขอด ในหัวใจโต ริดสีดวงทวาร ขยายเส้นเลือดในไต ไตแข็งแรงขึ้น ป้องกันเลือดกำเดาไหล
กระเจี๊ยบแดงกินเดี่ยวทำให้ไตเสื่อม โลหิตจาง
- กระเจี๊ยบเขียว ต้มกิน ช่วยแก้ท้องผูกสำหรับผู้ป่วยที่นอนนาน
- กระเจี๊ยบเขียว กินแก้พยาธิตัวจี๊ด
- ลูกสำลอง กับหญ้าหวาน กับดอกคำฝอย กับเก๊กฮวย ช่วยลดโคเลสเตอรอลดี ลูกสำลองมีประโยชน์เหมือนรังนก บำรุงปอด รังนกแท้หายาก ของปลอมทำจากรากไม้ลูกหูกวางกินแล้วแล้วขาไม่มีแรง
- องุ่นสีม่วง ช่วยฟอกเลือด บำรุงหัวใจ มีโปรแตสเซี่ยมสูง (กินมากไม่ดีต่อตับ) กินสดจะได้วิตามิน เอ ซี อี สูง ถ้ากวน จะมีวิตามินน้อยลง แต่ได้เอสโตรเจนเพิ่ม - ลูกเกดแห้ง บำรุงถุงนำดี ตับ ไต
- ดอกคำฝอย ถ้ากินเดี่ยวๆ จะลดโคเลสเตอรอลได้มาก อาจทำให้ซึมได้
- เก๊กฮวย กินแล้วทำให้สดชื่น
- ดอกคำฝอย กับเก๊กฮวย ช่วยจับโคเลสเตอรอล แล้วลูกสำลองจะช่วยขับออก
- สาหร่ายทะเล ช่วยฟอกเลือด ปรับสมดุล ลดอาการบวม นำมาอบหรือคั่ว จิ้มซีอิ้วกินอร่อย
- จับฉ่าย ควรใส่หัวใช้เท้า ช่วยล้างพิษ สารตกค้าง
- กล้วยน้ำว้า ช่วยปรับสมดุลระหว่างช่วงความแตกต่างของอาหาร เช่น อาหารไทย – เทศอาหารเจ – คาว ช่วงอด – ไม่อด กินก่อนการเปลี่ยนอาหาร
- น้ำเต้าก็ใช้แทนกล้วยน้ำว้าได้
- พริกปาปริกา ช่วยการไหลเวียนของเลือด
- ดอกแค ดอกกาสะลอง (ดอกปีบ)ช่วยบำรุงปอด ตากแห้ง ชงน้ำดื่ม
- บอระเพ็ด ยาว 1 เกียก ต้นน้ำดื่มช่วยล้างระบบดูดซึมได้ ทำให้เลือดเลี้ยงสมองส่วนหน้าดี
- มะขามเทศมีโซเดียมและแคลเซียมสูง เปลือกใช้ทำยาย้อมผม และยาสระผม
- มะเขือเทศ บำรุงเลือด หัวใจ แก้โรคซึมเศร้า คนที่หัวใจโต ไตไม่ดีไม่ควรกิน
- อินทผารัม บำรุงไต ระบบเพศ
- ดอกชุมเห็ด ทำให้ถ่ายอย่างแรง เพราะมีพิษ ควรลวกแล้วราดด้วยกะทิล้างพิษ ไม่ควรกินเกิน 3 ดอก
- เห็ดหูหนูดำ ต้มกับหญ้าหวาน ใส่น้ำตาลกรวด ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงสมอง ดีต่อปอด ไต ม้าม
แต่อย่ากินตอนเย็น เพราะจะเย็นเกินไป
- น้ำตาลกรวดย่อยง่ายกว่า ดูดซึมดีกว่า น้ำตาลทราย
- ลำไยสด บำรุงกำลัง หัวใจ เปลือกมีสารทำให้ร้อนใน แก้โดยให้แช่น้ำเกลือก่อนแกะ หรือดื่มน้ำเกลือตาม เม็ดลำไยตากแห้งบด นำมาโรยแผลช่วยให้น้ำเหลืองแห้ง
- ข้าวเหนียว 2 ส่วน ต้มกับลำไยแห้ง 1 ส่วน ใส่น้ำมากๆ กินบำรุง ปอด หัวใจ ตับ
- ขิง หอม กระเทียม น้ำผึ้งมะนาว กินแก้หอบหืด ลดไขมัน
- น้ำฟักทอง บำรุงไต
- ของดอง ผักดอง หนำเลี้ยบ หน่อไม้ดอง บำรุงไต
- หมึกในปลาหมึก ช่วยแก้ร้อนใน ปากเป็นแผล บำรุงไต ล้างระบบดูดซึม ลดโคเลสเตอรอลในปลาหมึก
- กุหลาบ บำรุงหัวใจ ทำให้หายใจโล่ง รู้สึกกระปี้กระเปล่า (สีแดงในพริกด้วย)
- มะละกินคู่กับ ผักดอง
- ขึ้นฉ่ายคู่กับ เกี้ยมบ๊วย
- ฝัก คู่กับมะนาวดอง
- เม็ดแมงลัก เป็นตัวเก็บไขมันไปทิ้ง แต่กินตอนเย็นจะย่อยยาก ทำให้ท้องอืด
- ดอกอันชัน - ทานสดได้ บีบมะนาวจะเป็นสีชมพู บำรุงไต ช่วยย่อย ทำให้น้ำเหลืองแห้ง
- ยอดมะลุม มีเบต้า แครอลทีน ทำให้ผิวดี แก้ตกกระ มีสารเพ็กติน นิ่มๆ ฆ่าพยาธิได้ มีธาตุเหล็ก
ฟอสฟอรัส สร้างภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ใบต้านเบาหวาน ทำให้ขับถ่ายดี ป้องกันไมเกรน
- กระท่อม ใช้แก้ท้องเสีย (เป็นสารเสพติด) ทำให้ทนแดด ทนฝน ทนงานหนัก แต่กลัวฝนจนตัวสั่น
ไข่ - ควรกินไข่สุก หรือสุกขนาดเป็นมะตูมก็ได้ ไข่ดิบย่อยยาก ดูดซึมยาก
- ไข่แดงเป็นโคเลสเตอรอลดี ช่วยในการดูดซึมของสารอาหารต่างๆ
- ไข่เยี่ยวม้า มีสารอาหารน้อยลง แต่มีโซเดียม ฟอสเฟตสูง ช่วยบำรุงไต
- ไข่เค็ม ยังมีสารอาหารครบ
- ใบสัปปะรดสับ ต้มน้ำดื่ม ช่วยขับปัสสาวะ
Heart of Food3
- ก. พวก
หัว ที่ มี เนื้อ แน่น (tuber) เช่น มัน ฝรั่ง - ข. พวก
หัว ที่ เป็น กลีบ เรียง ซ้อน กัน เป็น ชั้น ๆ (bulb) เช่น หอม ฝรั่ง (หอม หัว ใหญ่) หอม แดง กระเทียม
- ก. พวก
พืช ยืน ต้น สลับ ล้ม ลุก (herbaceous perennial) - ข. พวก
พืช ยืน ต้น สลับ ล้ม ลุก (herbaceous perennial)
Heart of Food 2
- (๑) อาหาร
ประเภท โปรตีน ที่ ให้ ความ เจริญ เติบ โต และ ซ่อม แซม ส่วน ที่ สึก หรอ ของ ร่าง กาย - (๒) อาหาร
ประเภท แป้ง และ น้ำ ตาล และ ไข มัน น้ำ มัน ที่ ให้ พลัง งาน และ ความ อบ อุ่น ต่อ ร่าง กาย - (๓) อาหาร
ประเภท วิตามิน และ เกลือ แร่ ที่ เสริม สร้าง ให้ ร่าง กาย แข็ง แรง ปราศ จาก โรค ภัย ไข้ เจ็บ
ประโยชน์จากผัก
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สเต็กเนื้อนิวซีแลน เทปันยากิ
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
For Serving 1-2 ที่ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
อาหารญี่ปุ่น [Nihon ryoori>
การทำอาหารญี่ปุ่นจำเป็นจะต้องรู้จักเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ทั้งผัก ผลไม้ เครื่องปรุงของแห้ง และวัสดุ อุปกรณ์
เครื่องปรุง
ข้าวญี่ปุ่น [Gome]ข้าวสารญี่ปุ่นจะมีเมล็ดสั้นกลม หรือเรียกอีกชื่อว่า [Short Grain]เมื่อหุงสุกแล้วจะมียางเหนียว มีความนุ่ม
เต้าหู้[Tofu]เป็นเครื่องปรุงที่ใช้กันมาก เต้าหู้ของญี่ปุ่นจึงมีหลากหลายชนิด เช่น เต้าหู้อ่อน[kinugoshi] เต้าหู้แข็ง[Momen]
เต้าหู้ทอด [Agodofu]ซึ่งมีทั้งชนิดแผ่นบาง [Age] และชนิดแผ่นหนา
สาหร่ายทะเล[Wakame Seaweed]มีหลายชนิดมาก เพราะนำมาใช้ทำอาหารแตกต่างกัน วาคาเมะ [Wakame] เป็นสาหร่าย
โนริ [Nori] คือสาหร่ายแห้ง มีทั้งชนิดแผ่นและชนิดผง ใช้โรยบนอาหารชนิดต่างๆ คอมบุ[Kombu] เป็นสาหร่ายแห้งแผ่นยาว มีฝ้าขาว
โซบะ[Soba]เส้นบะหมี่สีเหลือง ใช้สำหรับผัด
อุด้ง [Udon] เส้นบะหมี่ญี่ปุ่น ทำจากแป้งสาลีผสมเกลือและน้ำเล็กน้อย นวดและตัดเป็นเส้นยาวมีขายทั้งชนิดเส้นแห้งและเส้นสด
ชิราตากิ [Shirataki] เส้นขาวใสคล้ายวุ้นเส้น แต่เส้นใหญ่กว่า ทำจากหัวบุก นิยมใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟ ก่อนทำอาหารต้อง
เกี๊ยวช่า [Gyoza] แผ่นเกี๊ยวสำหรับทำเกี๊ยวซ่า ซึ่งเป็นอาหารว่างของญี่ปุ่น
ปลาโออบแห้ง[Katsuo bushi] ดป็นเนื้อปลาโอไสเป็นแผ่นบาง อบจนแห้ง สำหรับทำน้ำซุป [Dashi]
การิ[Gari] ขิงดอง เป็นเครื่องแนมในอาหารชนิดต่างๆ
ตะกวง[Takuan] หัวไชเท้าดอง มีสีเหลือง ทำเป็นไส้ของซูชิ และเป็นของแนม
คุโระโกมะ-โกมะ [Kurogoma-goma] งาดำ งาขาว เครื่องปรุงที่ใช้ใส่ในน้ำจิ้มชนิดต่างๆ และเคล้าในอาหาร
ผักสดชนิดต่างๆ
เอโนะคิตากิ[Enokitaki Mushroom] หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดเข็มทอง ใช้เป็นผักในอาหารหม้อไฟชนิดต่างๆเช่น สุกี้ยากี้ ชาบุชาบุ
ชิเมจิ[Shimeji Mushrooms]เห็ดหอมสดญี่ปุ่น มีดอกขนาดเล็ก ใส่ในอาหารหม้อไฟชนิดต่างๆ
ไควาเระ [Kaiware] เป็นถั่วงอกของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ใส่เป็นผักในเครื่องปรุงของอาหารญี่ปุ่นหลายจาน ทั้งสุกี้ยากี้ ชาบุชาบุ สเต็ก เป็นต้น
ไดกง [Daikon] หัวไชเท้า เป็นผักที่ขูดเป็นเส้นฝอย รับประทานกับซาซิมิชนิดต่างๆ กับปูอัด และฝนจนละเอียด ไว้รับประทานกับเทมปุระ
โดยวางขิงขูดฝอยไว้ด้านบน
โชหงะ [Shoga] ขิง ขิงอ่อนใช้ดองสำหรับเป็นของแนม ขิงแก่นำมาฝนจนละเอียดเป็นของแนมกับเทมปุระ
เรงกง[Renkon] รากบัว นำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
นะซึ [Nazu] มะเขือม่วง มีสีม่วงเกือบดำ ผลยาวเรียวเล็กนำมาฝานเป็นแผ่นบางโดยไม่ให้ขาดออกจากกัน เป็นผักเทมปุระ
คะโบจะ [Kabocha] ฟักทองญี่ปุ่น เปลือกเรียบ นิยมนำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
ทาโระ-อิโมะ [Taro-imo] เผือกนิยมนำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
เคียะเบ๊ททสึ [Kyabetsu] กะหล่ำปลี ผักในอาหารประเภทสเต๊กชนิดต่างๆ
ชิโซะ [Shiso Leaf] ใบเบญจมาศญี่ปุ่น ชุบแป้งทอดทำเทมปุระและใช้ตกแต่งจานอาหารชนิดต่างๆ
โอกุระ [Okura] กระเจี๊ยบ เป็นผักแนมกับสเต็ก ใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟ
คิวริ [Kyuuri] แตงกวาญี่ปุ่น ลักษณะลูกยาวเรียว ผิวขรุขระ
เครื่องปรุงรส
โชยุ [Shoyu] ซีอิ๊วญี่ปุ่น ราชาเครื่องปรุงรสในอาหารญี่ปุ่น ใช้ปรุงรสอาหารแทบทุกชนิด ทั้งใส่ในอาหารและทำน้ำจิ้ม ซีอิ้วญี่ปุ่นมี 2 ชนิด คือ
เต้าเจี้ยว [Miso] มี 2 ชนิด คือ คาราคุจิ โดเมะ มิโสะ เป็นเต้าเจี้ยวขาวที่ใช้ในการ ทำซุป เนื้อหยาบ เวลาทำซุปต้องกรอง ราคาไม่แพง
และมุงิ มิโสะ เป็นเต้าเจี้ยวขาวแบบสำเร็จรูป เนื้อละเอียด ราคาค่อนข้างแพง
นัตโต [Natto] ถั่วเหลืองหมัก ใส่ในอาหารชนิดต่างๆ หรือนำมาคลุกข้าว
มิริน [Mirin] เหล้าที่มีรสหวาน ใส่ในอาหารได้หลายประเภท
โกมะอาบุระ [Goma-abura] น้ำมันงา
ฮอนดาชิ [Hondashi] ผงชูรสญี่ปุ่น
เหล้าสาเก [O-sake] เหล้าที่ใส่ในอาหารหรือดื่มก็ได้
โซซุ [Sosu] ซอสเปรี้ยว นำมาปรุงอาหารประเภทผัดหรือจิ้มหมูทอด
ชิจิมิ-โทการาชิ [Togarashi] พริกป่น ใส่ในอาหารที่ต้องการรสเผ็ด ส่วนใหญ่ รับประทานกับไก่ย่าง[Yakitori]
ซุ [Su] น้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าวญี่ปุ่นสำหรับปรุงรส แยกออกเป็น 2 ชนิด คือ นิไฮซุ [Nihaizu] เป็นน้ำส้มสายชูที่มี 2 รส คือ
รสเปรี้ยวกับเค็ม และ ซัมเบซุ [Sanbezu] เป็นน้ำส้มสายชูที่มี 3 รส คือ รสเปรี้ยว เค็ม หวาน
วาซาบิ [Wasabi] มัสตาร์ดเขียว มีให้เลือกซื้อหลายชนิดด้วยกัน ทั้งชนิดผง ที่บรรจุซอง ถุง หรือกระป๋อง และแบบผสมให้เสร็จแล้วบรรจุหลอด
อุปกรณ์ชนิดต่างๆ
ฮะชิ[Hashi] ตะเกียบ มี 2 ชนิดคือ ตะเกียบสำหรับใช้ในการปรุงอาหาร และตะเกียบสำหรับรับประทานอาหาร
ริคิว [Rikyu] คือ ตะเกียบที่มีความยาวเป็นพิเศษ ใช้สำหรับทอดอาหาร
โชจิน [Shojin] ตะเกียบที่ใช้รับประทานอาหารตามบ้าน มีลักษณะปลายเรียว แหลม
วาริบาชิ [Waribashi] ตะเกียบที่ทำด้วยไม้ไผ่บางๆ มีลักษณะติดกัน เวลาใช้รับประทานอาหารต้องดึงตะเกียบให้แยกออกจากกัน ตะเกียบชนิดนี้
ฮาชิโอคิ [Hashi Oki] เป็นที่วางตะเกียบ มีมากมายหลายรูปแบบเพื่อไม่ให้ปลายตะเกียบเลอะโต๊ะอาหาร
สุโนะโคะ [Sunoko] คือ มู่ลี่ไม้ไผ่สำหรับม้วนซูชิ หรือ ไว้สำหรับวาง โซบะ(ซารุโซบะ)
เบนโต [Bentoo] กล่องสี่เหลี่ยมใหญ่สำหรับใส่อาหารเที่ยงรับประทานนอกบ้าน
ที่มา http://www2.neweb.ne.jp/wc/kyanara/ryouri1.html
ข้าวยำแบบเกาหลี

ข้าวหอมมะลิหุงสุก 2 ถ
เนื้อวัวบด 200 กรัม
ถั่วงอกหัวโต 150 กรัม
แตงกวาญี่ปุ่น 1 ลูก
ผักโขม 1 กำ
ผักกาดหอมสำหรับตกแต่ง1 ต้น
แครอท 1/2 หัว
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วุ้นเส้นเกาหลีลวกสุก (ไม่ใส่ก็ได้)
1. ผัดเนื้อพอสุก ปรุงรสด้วยโชยุ น้ำมันงา เกลือป่น ใส่งาขาว ต้นหอม กระเทียมสับ และพริกไทยป่น ตักขึ้นพักไว้
2. ผ่าครึ่งแตงกวาญี่ปุ่นแล้วหั่นเป็นเส้น โรยเกลือป่น ทิ้งไว้สักพัก บีบน้ำออกแล้วนำไปผัดพอสุก ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำมันงา
3. ลวกถั่วงอกในน้ำเดือด พักให้สะเด็ดน้ำ เติมเกลือป่น น้ำมันงา ต้นหอมซอย และกระเทียมสับอย่างละเล็กละน้อย เคล้าให้เข้ากันดี พักไว้
4. ลวกผักโขมพอสุก พักให้สะเด็ดน้ำ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปผัด ปรุงด้วยเกลือป่น น้ำมันงา ใส่ต้นหอมซอย และกระเทียมสับ
5. หั่นแครอทเป็นเส้นยาว ผัดพอสุก ปรุงรสด้วยเกลือป่น
6. เจียวไข่แล้วหั่นเป็นเส้นเล็กยาว
7. ตักข้าวใส่ชาม วางเนื้อ ไข่เจียว วุ้นเส้น และผักต่างๆบนข้าวจัดให้สวยงาม เวลาทานให้คลุกข้าวกับผักต่างๆ ใส่ซีอิ๊วปรุงรสและซ้อสพริก
ซีอิ๊วปรุงรสสำหรับทานกับข้าว
โชยุ 4 ชช
น้ำตาล 2 ชช
สาเก 1 ชช
ต้นหอมซอย 1 ชช
กระเทียมสับ 1 ชช
น้ำมันงา 1 ชช
งาขาวคั่วบุบกับเกลือป่น 1 ชช
ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันดี
ซอสพริก
พริกชี้ฟ้าแดงปั่น 4 ชช
กับน้ำตาลทราย 1 ชช
งาคั่วบุบ 1 ชช
น้ำมันงา 1 ชช
ผสมให้เข้ากัน ต้องเก็บค้างคืนถึงจะอร่อย
วิธีทำ คุชิ ดังโงะ

สูตรและวิธีทำขนมดังโงะภาคภาษาอังกฤษ (เรื่องแป้งลองสอบถามผู้รู้ดูอีกที เพราะบางแห่งบอกว่า ไม่แน่ใจว่าใช้แป้งอะไรกันแน่ ระหว่างแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และแป้งท้าวยายม่อม) สูตรนี้เขียนว่าแป้งข้าวเหนียว
Ingredients
1 cup glutinous-rice flour
3/4 cup warm water
FOR SAUCE
3/4-1 cup water
1/2 cup sugar
2 tablespoons soy sauce
1 1/2 tablespoons potato starch or cornstarch
1 1/2 tablespoons water
bamboo sticks
Directions
1. Put rice flour in a bowl and add warm water.
2. Knead the dough well.
3. Make small round dumplings.
4. Place the dumplings in a steamer and steam them on high heat for 10 minute
5. Cool the dumplings and skewer them in bamboo sticks. (3-4 dumplings each stick.)
6. Mix water, sugar, and soysauce in a pan and put it on medium heat.
7. Mix the water and potatostarch in a cup and set aside.
8. When the sauce boils, add the starch mixture and mix quickly.
9. Slightly grill the skewered dumplings and brush the sauce over them.
FOR SAUCE (ซ็อส)
3/4-1 cup water (น้ำประมาณ 3/4 ถึง 1 ถ้วย)
1/2 cup sugar (น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย)
2 tablespoons soy sauce (ซีอิ๊ว 2 ชต.)
1 1/2 tablespoons potato starch or cornstarch (แป้งมัน 1 1/2 ชต.)
1 1/2 tablespoons water (น้ำ 1 1/2 ชต.)
bamboo sticks (ไม้เสียบ)
วิธีทำ....ผสมน้ำ น้ำตาล ซีอิ๊วเข้าด้วยกันในกะทะแล้วนำไปตั้งไฟแรงปานกลาง พอเดือดแล้วนำน้ำผสมกับแป้งมันเทลงเข้าไปผสมอย่างรวดเร็ว
วิธีทำ พุลโกกี 불고기 เนื้อย่างเกาหลีอันเลื่องชื่อ

ส่วนผสม
1.เนื้อตะโพก 1/2 กก.
2.งา 2 ช้อนโต๊ะ
3.กระเทียมสับหยาบ ๆ 1 หัว
4.ซีอิ๊วขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ
5.เหล้าเชอรี่ 2 ช้อนชา
6.น้ำตาล 2 ช้อนชา
7.เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. หมักเนื้อด้วยเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน คืองาและกระเทียมตามลำดับ หมักไว้ประมาณ 30 นาที หมักไว้นอกตู้เย็น แล้วจึงย่างให้สุกตลอดทั้งก้อน
2.ผสมเครื่องน้ำจิ้มเข้าด้วยกัน ตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มแต่ละคน
น้ำจิ้มเนื้อย่าง แบบเกาหลี
เนื้อย่างเกาหลี สูตร 1
เครื่องปรุง
เนื้อวัวส่วนสะโพก 500 กรัม
มันหมูแข็ง 100 กรัม
กะหล่ำปลีซอย 2 ถ้วย
แครอทซอย 2 ถ้วย
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโตีะ
หน่อไม้ฝรั่ง 300 กรัม
ฟักทอง 300 กรัม
กระเจี๊ยบมอญ 12 ฝัก
ข้าวโพดอ่อน 12 ฝัก
งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ
สุราจีน 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อวัว ซับน้ำให้แก้ง แล่เป็นชิ้นบาง ใส่ลงในอ่างผสม
ใส่งาขาว พริกไทย ต้นหอม น้ำตาล ซีอิ๊วญี่ปุ่น สุราจีน น้ำมันงา น้ำมันพืช
เคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง
2. ล้างผักทุกชนิดให้สะอาด ตัดโคนหน่อไม้ฝรั่งที่แข็งออก
ปอกเปลือกฟักทองออกบางๆหั่นชิ้นใหญ่ แกะโคนเปลือกข้าวโพดอ่อนออก
3. เมื่อจะรับประทาน นำมันหมูแข็งวางบนกระทะพอน้ำมันละลาย นำเนื้อที่หมักย่างจนพอสุก
จัดใส่จาน ย่างผักต่อ พอสุกใส่จาน รับประทานกับน้ำจิ้ม
ส่วนประกอบน้ำจิ้ม
พริกขี้หนูเขียวแดง สับละเอียด 15 เม็ด
รากผักชีและก้านซอย 1/4 ถ้วย
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย
ทำน้ำจิ้มโดยผสมส่วนประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ที่มา เว็บโหระพา
เนื้อย่างเกาหลี สูตร 2
เครื่องปรุง
เนื้อตะโพก 1/2 กก.
งา 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับหยาบๆ 1 หัว
ซีอิ๊วขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ
เหล้าเชอรี่ 2 ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. หมักเนื้อด้วยเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน คืองาและกระเทียมตามลำดับ
หมักไว้ประมาณ 30 นาที หมักไว้นอกตู้เย็น แล้วจึงย่างให้สุกตลอดทั้งก้อน
2. ผสมเครื่องน้ำจิ้มเข้าด้วยกัน ตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มแต่ละคน
ที่มา เว็บ thaiparents.com
เนื้อย่างเกาหลี สูตร 3
เคี้ยวหนึบหนับกับเนื้อย่างเกาหลีน้ำจิ้มอีสาน กุ๊กเล็ก
หากว่าแฟนานุแฟนมิตรรักนักกินคนใดเป็นผู้พิสมัยในรสชาติเนื้อล่ะก็เชิญมาทางนี้
เพราะในมื้อนี้ กุ๊กเล็ก จะพาเข้าครัวไปทำเมนูแบบเนื้อๆให้ได้กินกัน
กับเมนูเนื้อที่มีชื่อว่า เนื้อย่างเกาหลีน้ำจิ้มอีสานเป็นเมนูเนื้อย่างนุ่มๆ
เคี้ยวหนึบหนับปากและได้รสชาติของน้ำจิ้มอีสานรสแซ่บ
ว่าแล้วอย่ามัวมาเสียเวลากันอยู่เลย รีบเดินหน้าเข้าครัวกันดีกว่า
ส่วนผสมเครื่องปรุง
เนื้อวัวใช้เนื้อสันในหรือเนื้อสะโพก 1 กิโลกรัม
งาขาวคั่วบุบพอหอม 4 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมใช้ด้านขาวหั่นละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
เหล้า 4 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
กระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำน้ำจิ้ม
ให้นำกระเทียมและพริกมาโขลกให้ละเอียด ตักใส่ถ้วย
ปรุงรสชาติด้วยมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายชิมรสชาติให้ออกรสจัด
สำหรับ วิธีการทำเนื้อย่างเกาหลี
เริ่มจากนำเนื้อมาแล่เป็นชิ้นๆ พอคำ แล้วก็หมักกับเครื่องปรุงทั้งหมด
คลุกเคล้าให้เข้ากันทิ้งไว้ในตู้เย็น 3-4 ชม.
เพื่อให้เนื้อนุ่มดี จากนั้นจึงค่อยนำเนื้อออกมา แล้วย่างบนกระทะไฟค่อนข้างแรง
ย่างจนเนื้อสุกได้ที่ก็เป็นอันว่าใช้ได้ กินตอนร้อนๆ คู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด
ได้เอร็ดอร่อยกับ เนื้อย่างเกาหลีน้ำจิ้มอีสานกันไปอีกหนึ่งเมนู
ที่มาผจก.ออนไลน์
วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เรื่องของเนื้อ

ผมเป็นคนตัดกิเลสไม่ขาด
ยังคงติดในรสของเนื้อวัว
แม้เพื่อนๆจะเลิกกินกันไปหลายคนแล้วก็ตาม
ผมก็ยังคงวนเวียนอยู่ตามร้านเนื้อย่าง
และก๋วยเตี๋ยวเนื้ออยู่ร่ำไป
ร้านไหนเขาว่าดีว่าอร่อย
เป็นต้องแจ้นตามไปชิม
พุงก็เบ่งบานออกเรื่อยๆตามกิเลส
และความอร่อยของปาก
เอาเป็นว่าเก็บมาเล่าต่อสนุกๆก็แล้วกันนะครับ
บางท่านที่ไม่ทานเนื้อด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
ผมก็ต้องขอโทษด้วย
ที่ท่านพลาดความสนุกบนปลายลิ้น
และของอร่อยๆที่จะมาเพิ่มกิเลสในตัวท่านไปอีกหนึ่งอย่างแล้ว 555
คนที่ชอบทานเนื้อวัวคงทราบกันดีนะครับว่า
เนื้อแต่ละส่วนมีความนุ่ม
ความเหนียวแตกต่างกันไป
ทีนี้เรากินตรงไหนของมัน
เนื้อตรงส่วนไหนเหมาะกับเอาทำอะไรกิน
หรือเขาเรียกส่วนไหนว่าอะไร
ลองมาทำความรู้จักกันนะครับ
เหล่าพ่อบ้านจะได้ไปเลือกซื้อมาให้ถูกส่วน
เดี๋ยวท่านแม่บ้านจะว่าเอาได้
ว่าทำไมซื้อเนื้อมาเหนียวเหลือเกิน
หรือซื้อมาทำกินเองทีไรก็ไม่เคยอร่อยสักที
เป็นงานให้ต้องพาออกไปกินอาหารนอกบ้านอีก ^^
วัวทั้งตัวเมื่อนำมาตัดเป็นชิ้นๆออกเป็นส่วนๆ
ตามที่ฝรั่งเรียกว่า Beef cuts จะแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆตามรูป
มีชื่อเรียกต่างๆกันไป

มาดูของไทยเรียกกันมั่ง

เนื้อตรงส่วนหลังของวัวเขาว่ากันว่า
เป็นเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุด ได้แก่ส่วน A ทั้งหลาย
เนื่องจากเป็นส่วนที่ออกกำลังน้อยที่สุด
และส่วนที่นุ่มที่สุดคือสันในหรือ Tenderloin
ดูจากในรูปจะเห็นว่า
วัวตัวหนึ่งจะมีส่วนสันในเพียงนิดเดียว
ก็ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมถึงได้แพงนักแพงหนา
ทีนี้การแบ่งเนื้อวัวตามความนุ่ม ฝรั่งมันก็แบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภท
ประเภทที่ 1 ประเภทนุ่มมากที่สุด
ได้มาจากส่วนหลังของวัว(Center of the back) ได้แก่พวกริบ(Rib)
Loin, Serloin, Tenderloin
เหมาะกับการนำไปทอด ,ย่าง, อบ
ประเภทที่ 2 นุ่มปานกลาง
ได้แก่เนื้อจากบริเวณโคนขาและสะโพก(Leg or Round or Rump)
และเนื้อจากบริเวณหัวไหล่ (Chuck or Shoulder)
เหมาะกับการนำไป ต้ม, ตุ๋น, ทำเนื้อบด
ประเภทที่ 3 นุ่มน้อยที่สุด
ได้แก่เนื้อจากบริเวณ ตอนกลางลำตัวด้านท้อง (Flank)
ด้านอก(Breast or Short plate) ส่วนต้นขาด้านหน้า (Brisket) ส่วนต้นขาหน้า(Shank)
และส่วนคอ (Neck)
เหมาะสำหรับการนำไป ตุ๋น ,ทำสตู, เนื้อบด
ส่วนเวลาถ้านำมาทำสเต็กเขาจะเอาส่วนต่างๆมาทำดังนี้

สันใน(fillet หรือ tenderloin)
เนื้อส่วนนี้จะละเอียด นุ่มมากที่สุด ไม่มีไขมัน
นิยมอบย่างทั้งก้อน เป็นเนื้อส่วนที่ตัดจากกลางตัว
เป็นส่วนที่อยู่สองข้างของแนวกระดูกสันหลัง
ส่วน fillet mignon คือเนื้อวัวส่วนสันในที่มีขนาดชิ้นเล็กที่สุด

ทีโบน(T-Bone หรือ Porterhouse) หรือเนื้อวัวสันนอกส่วนที่ติดกระดูก
เนื้อช่วงเอวของวัว(shortloin) ตัดมาจากส่วนกลางพร้อมกระดูกรูปตัวที
ซึ่งประกอบด้วยเนื้อสันนอก(sirloin)และสันใน(fillet) ในชิ้นเดียวกัน
เนื้อวัวส่วนซี่โครง (rib eye)
เนื้อนุ่ม รสเข้ม ตัดมาจากส่วนต้นซี่โครง
ที่ตัดแต่งกระดูกและเอ็นรอบนอกออก
เหลือแต่เนื้อส่วนกลางที่ให้รสชาติดีที่สุด
นิยมนำมาย่าง และทอดน้ำมันน้อยๆ
สำหรับเนื้อวัวส่วนซี่โครงชิ้นที่ 6-12 (prime rib)
ตัดแบบติดหรือไม่ติดกระดูกก็ได้
มีไขมันแทรกในเนื้อมาก
บริเวณขอบชิ้นมีเอ็นคั่นก่อนถึงไขมัน
ย่างแล้วเนื้อนุ่มอร่อย

เนื้อวัวส่วนสันนอก(sirloin)
เนื้อนุ่ม เป็นเนื้อที่อยู่ระหว่างส่วนขาหลังและเนื้อส่วนล่าง
เนื้อวัวส่วนสันนอกตัดเป็นชิ้นสเต๊กขาย
ทั้งแบบมีหรือไม่มีกระดูก เช่น
sirloin flat bone, round bone sirloin, pin bone sirloin
และ top sirloin steak เป็นต้น

เนื้อวัวส่วนลูกมะพร้าว(sirloin tip หรือ knockle)
เป็นเนื้อวัวส่วนช่วงโคนขาหลัง ตรงสะโพก
ก้อนใหญ่ เนื้อนุ่ม ไม่มีมัน
มีด้วยกันสองก้อนต่อวัว 1 ตัว

เนื้อวัวส่วนสะโพก (top round)
ตัดจากส่วนหลังของขา
แม้ว่าเนื้อในส่วน round นี้จะเป็นส่วนที่ทำงานหนักเหมือน
ส่วน chuck แต่เนื้อจาก round จะนุ่มกว่า

เนื้อวัวส่วนคอถึงไหล่(chuck) มักเรียกว่า London Broil
เนื้อวัวที่ไม่มีกระดูกหรือกล้ามเนื้อก้อนเดียว
ส่วนเนื้อส่วนหัวไหล่ที่มีไขมันแทรกและเอ็นแก้วตรงกลางชิ้นเนื้อ(top blade)
จะได้สเต๊กติดเอ็นที่อร่อยไปอีกแบบ

เนื้อวัวส่วนท้อง(Plate&Flank steak)
เนื้อนุ่ม ไม่มีกระดูก มีกล้ามเนื้อก้อนเดียว
ขนาดหนาไม่เกิน 1 นิ้ว
ราคาถูกกว่าเนื้อที่มีคุณภาพสูง
เนื้อจะค่อนข้างดี
เมื่อสไลซ์บางๆเ็ป็นเส้นทะแยงมุมก่อนเสริฟ์

เอามาทำอะไรดีถึงจะเหมาะ
ก็ฝรั่งเขาแนะนำไว้ตามนี้ครับ

ชาร์ทอื่นๆที่น่าสนใจครับ

ชาร์ทนี้ก็น่าสนใจ
วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ข้อดีผงกะหรี่
"เคอร์คูมิน" ซึ่งเป็นสารประกอบที่อยู่ในขมิ้น มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการก่อมะเร็ง ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์หลายอย่าง ไม่ว่าจะแก้อักเสบ ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร ฆ่าเชื้อรา ใช้บำรุงผิวให้สดใส ลดความหมองคล้ำ
ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่กล่าวถึงคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมโปรตีน อะมีลอยด์ในสมอง ตัวการโรคหลงลืม รวมถึงยับยั้งการสร้างเอนไซม์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งบางชนิดและโรคอักเสบอย่างเรื้อรังในสัตว์ ทดลอง จากการศึกษามะเร็งเต้านม สารสกัดขมิ้นสามารถลดการเติบโตของมะเร็งเต้านมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ สารเคมี ที่เป็นสาเหตุการเกิดของมะเร็งเต้านมได้ในสัตว์ทดลอง
ด้านทีมงานของจื้อผิง เอง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และทีมงานได้ศึกษาคนเอเชีย 1,010 ราย ที่ชอบกินอาหารที่ใส่ผงกะหรี่ อายุระหว่าง 60-93 ปี ไม่มีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ แล้วเปรียบเทียบสมรรถนะในการจดจำด้วยวิธีมาตรฐาน
"ทำให้ความจำดีขึ้น"
จากการตรวจสอบ พบว่า กลุ่มคนที่กินอาหารที่ใส่ผงกะหรี่ "เป็นบางครั้ง" (ในช่วง 6 เดือน กินหนึ่งครั้ง หรือมากกว่า แต่น้อยกว่าเดือนละครั้ง) และกลุ่มที่กิน "บ่อย" (มากกว่าเดือนละครั้ง) มีผลการทดสอบความจำดีกว่าคนที่ "ไม่เคย หรือแทบจะไม่ได้กิน" ผงกะหรี่เลย
จื้อผิง กล่าวว่า ผลการวิจัยพิสูจน์ให้เห็นว่า การรับประทานแกงกะหรี่ที่มีส่วนผสมของขมิ้นนั้น แม้เพียงนาน ๆ ครั้งก็จะช่วยในเรื่องของความสามารถในการจดจำ
นอกจากนี้ เขายังต้องการที่จะยืนยันผลการทดลอง ด้วยการทำการทดลองในคลินิกโดยการเปรียบเทียบคนที่กินอาหารที่มีส่วนประกอบ ของผงกะหรี่ กับกลุ่มควบคุมที่คิดว่ากินผงกะหรี่ปลอม.
แหล่งข้อมูล : บอร์ดรวมเรื่องน่าอ่าน
ผงกะหรี่เป็นผงเครื่องเทศที่ครัวของหลายชาติใช้ในการทำแกงกะหรี่ ดังที่มีกะหรี่ไทย กะหรี่ญี่ปุ่น กะหรี่จีน กะหรี่เวียดนาม กะหรี่ฝรั่ง กระทั่งกระหรี่อินเดียที่เป็นของแท้ดั้งเดิม แรกเริ่มทีเดียว กะหรี่ (kari หรือ karhi) เป็นภาษาทมิฬที่ชาวอินเดียใต้ใช้เรียกแกงประเภทเผ็ดชนิดหนึ่งที่มีน้ำ ทว่า นอกจากแกงเผ็ดประเภทน้ำมากแล้ว คนอินเดียใต้เขาก็ยังมีแกงเผ็ดประเภทน้ำข้น และประเภทแกงแห้งอีกต่างหาก แต่ละประเภทก็มีชื่อเรียกเฉพาะกันไป สูตรเครื่องแกงจึงมีหลากหลายมากมาย แต่ไม่ว่าจะเป็นแกงชนิดใด สูตรเครื่องแกงไหน คนอินเดียก็มักบดเครื่องแกงกันสดๆ ผสมเครื่องแกงขึ้นใช้เป็นครั้งคราวไป แต่เมื่อคนอังกฤษเข้าปกครองอินเดียเป็นอาณานิคมเมืองขึ้นราวกว่าสองร้อยปี ที่แล้ว เกิดติดอกติดใจกับแกงอินเดียมาก แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมจึงหลงใหลเฉพาะกับแกงที่ชื่อ kari นักหนา จึงเรียกแกงทั้งหลายของอินเดียว่า “curry”
ผงกะหรี่มีเครื่องเทศหลักเป็น ลูกผักชี ยี่หร่า ขมิ้น และลูกซัด นอกนั้นเป็นเครื่องเทศที่ใช้ปรับปรุงรสและกลิ่นเพิ่มเติม ได้แก่ เปลือกพริกเผ็ด เปลือกพริกแดง พริกไทย กระวาน กานพลู อบเชย ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ขิง กระเทียม ใบกะหรี่ เมล็ดเทียนสัตตบุษย์ เมล็ดเทียนข้าวเปลือก เมล็ดเทียนตาตั๊กแตน (เมล็ดผักชีลาว) อบเชยเทศ อบเชยจีน เมล็ดพรรณผักกาด (เมล็ดมัสตาร์ด) เมล็ดป๊อบปี้ ดอกอบเชย เมล็ดขึ้นฉ่าย เกลือ และนี่คื่อสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผงกะหรี่จากแห่งหนที่ต่างกันมีรสและกลิ่นไม่ เหมือนกัน
ผงกะหรี่อินเดีย เป็นผงกะหรี่มาจากแผ่นดินต้นกำเนิดนั้น มีกลิ่นหอม รสเครื่องเทศแรง
ผงกะหรี่อินเดียสูตรโบราณ จะมีเครื่องเทศป่นผสมที่ต่างกันไปจากผงกะหรี่อินเดียทั่วไป
ผงกะหรี่แบบยุโรป เป็นผงที่มีกลิ่นรสอ่อนลง เพราะเขาใช้เพียงโรยหน้าในสตูต่างๆ
ผงกะหรี่แบบญี่ปุ่น สี กลิ่น รส ของผงกะหรี่จะอ่อนมาก กะหรี่ญี่ปุ่นมีทั้งแบบเป็นผงและเป็นก้อน
ผงกะหรี่แบบจีน มีสีเหลืองสวย รสอ่อน กลิ่นหอม
ผงกะหรี่แบบไทย สีออกเหลืองเข้ม รสแรง กลิ่นหอม
ผงกะหรี่แบบพื้นบ้านของไทย เรียกชื่ออย่างแขกอินเดียว่า มัสล่า อยู่ทางแม่ฮ่องสอนเรียกว่าเป็นผงอเนกประสงค์ทีเดียว
ที่มา www.ngcspice.com
ผงกะหรี่ญี่ปุ่น
แป้งสาลี 80 กรัม 35%
เกลือ 25 กรัม 11%
น้ำตาล 20 กรัม 9%
ผงกะหรี่ 10 กรัม 4%
พริกแดงผงละเอียด 2.5 กรัม 1%
พริกไทยดำป่น 1.5 กรัม 0.7%
ขมิ้น 1 กรัม 0.5%
ผงชูรส 4 กรัม 2%
วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552
เนื้อกระทะจานร้อน [Gyuniku teppan yaki ]
กะหล่ำปลี 1/4 หัว
แครอท 1/2 หัว
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/4 ถ้วย
เห็ดฟาง 2 ดอก
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
ฮอนดาชิ 1/4 ช้อนชา
น้ำขิงสด 1 ช้อนชา
น้ำจิ้มปลาย่าง 1 ช้อนโต๊ะ
เนย น้ำมันพืช อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
กระทะจานร้อน
วิธีทำ
1. ล้างผักทุกชนิด หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นใหญ่ ปอกเปลือกแครอท หั่นแว่น เฉือนโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก ผ่าครึ่ง
2. เคล้าเนื้อกับซีอิ๊วญี่ปุ่น ฮอนดาชิ พริกไทย น้ำตาล น้ำขิง น้ำจิ้มปลาย่าง หมักไว้ประมาณ 15 นาที
3. ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่กระเทียมเจียวพอหอม ใส่เนื้อที่หมักไว้ ผัดพอเนื้อสุก ตักใส่กระทะจานร้อน
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่กะหล่ำปลี แครอท ปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทย อย่างละ 1/4ช้อนชา เร่งไฟแรง ใส่ถั่วงอก ผัดเร็วๆ ตักใส่กระทะเนื้อ
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ญี่ปุ่น
ข้าวสวยญี่ปุ่น 3 ถ้วย
สะโพกไก่ น้ำหนัก 200 กรัม 2 ชิ้น
แครอท 1/2หัว
มันฝรั่ง 1/2หัว
หอมใหญ่ 1 หัว
มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด 1/2หัว
กระเทียม สับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วญี่ปุ่น 1 ช้อนชา
ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
น้ำซุปปลาแห้ง 1 ถ้วย
น้ำ 1 ถ้วย
เนย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ล้างสะโพกไก่ เลาะกระดูกและหนังออก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 นิ้ว พักให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าเนื้อไก่กับเกลือ พริกไทยดำ พอทั่ว หมักไว้ประมาณ 15 นาที
3. ล้างแครอท มันฝรั่ง ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 นิ้ว ปอกเปลือกหอมใหญ่ ล้างน้ำ หั่นชิ้นสี่เหลี่ยม
ขนาด 2x2 นิ้ว
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เนื้อไก่ที่หมักในข้อ 2 ลงทอด พอตึงตัว ตักขึ้น ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. ต้มแครอท มันฝรั่ง พอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
6. ผสมซีอิ้วญี่ปุ่น น้ำซุป น้ำ ตั้งไฟเคี่ยวประมาณ 10 นาที ใส่ผงกะหรี่ ใส่หอมใหญ่ แครอทต้ม มันฝรั่งต้ม ไก่ทอด เคี่ยวสักครู่
7. ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอเนยละลาย ใส่กระเทียม เจียวพอหอมใส่ลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ใส่มันฝรั่งบด
เคี่ยวพอน้ำมีลักษณะข้นเหนียว ปิดไฟ
8. วิธีจัดเสิร์ฟ ตักข้าวสวยใส่จาน ตกแต่งด้วยใบชิโซ ตักแกงกะหรี่วางข้างๆ
ไก่ทอด ญี่ปุ่น karake
สะโพกไก่ น้ำหนัก 200 กรัม 1 ชิ้น
กะหล่ำปลี 1/4หัว
สลัดมันคลุก ญี่ปุ่น 1/4ถ้วย
เกลือป่น 1/4ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4ช้อนชา
ซีอิ้ว ญี่ปุ่น 1 ช้อนชา
แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำขิงสด 1 ช้อนชา
เหล้าสาเก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสลัดใส ญี่ปุ่น
ซอสหมูทอด ญี่ปุ่น
น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
1. ล้างสะโพกไก่ เลาะเอากระดูกออก หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 1 1/2นิ้ว ยาว 1 1/2นิ้ว เคล้ากับเกลือ
พริกไทยป่น ซีอิ้ว ญี่ปุ่น น้ำขิง เหล้าสาเก พอทั่ว
2. ล้างกะหล่ำปลี ซอยเป็นเส้น ใส่จาน แช่เย็นไว้
3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอเดือด นำเนื้อไก่ที่หมักในข้อ 1 คลุกแป้งสาลีให้ทั่ว ทอดพอสุกเหลือง
ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
4. วิธีเสิร์ฟ นำจานกะหล่ำปลีที่แช่เย็นไว้ออกมา ตักสลัดมันคลุกใส่ เรียงไก่ทอดใส่จาน ราดน้ำสลัดใส ญี่ปุ่น
บนกะหล่ำปลี รับประทานกับซอสหมูทอด
หมายเหตุ น้ำขิงสด คือ ขิงแก่ขูดฝอยแล้วบีบเอาแต่น้ำ
หน้าข้าวปลาไหล
ส่วนประกอบ
ปลาไหลไร้หนังไร้ก้าง ๕๐๐ ก
เธอริยากิซอส ๑/๔ ถต
ข้าวสารญี่ปุ่น (หรือข้าวหอมมะลิ) ๒ ถต
กระเทียม ๑๐ กลีบ
ซี่อิ๊ว คิคโคมาน ๒ ชต
เกลือ
น้ำมัน
วิธีทำ
๑) หมักปลาด้วยซอส ทิ้งไว้ ๓ ชม หรือค้างคืน
๒) หุงข้าวสวย ให้สวยแบบทำข้าวผัด เอาเข้าตู้เย็นไว้พอแข็งแล้วยีให้เม็ดข้าวไม่เกาะกัน
๓) นำปลามาเรียงลงในถาดอบ โรยเกลือเล็กน้อย เอาเข้าอบไฟ ๓๕๐ฟ ๒๐ นาที
๔) หรือจะทำแบบย่างก็ได้จะหอมอร่อยกว่า แบบทอดก็ดีแล้วแต่ชอบ
๕) นำกระทะ ตั้งไฟใส่น้ำมัน เจียวกระเทียม พอเริ่มจะเหลือง ใส่ข้าวลงผัด ใส่คิคโคมาน ผัดจนเข้ากันดีอย่าให้มีเม็ดข้าวเกาะกัน
๖) ตักข้าวใส่จานสวยๆ ๔ ที่
๗) วางปลาบนหน้าข้าว ชิ้นใหญ่เล็กถัวกันไป
๘) แต่งหน้าหรือทานกับ แตงกวาดองบางๆ หรือขิงดอง พริกชี้ฟ้าแดงหั่นยาวหรือใบสะระแหน่หรือโหราพา ตามชอบ
๙) เสิร์ฟร้อนๆ (ออกคำสั่งอย่าแย่งกัน ของใครของมัน)
++อีกรสหนึ่ึ่ึ่ึ่งใช้้ “คาบายากิซอส” (kabayaki sauce) มาหมักปลา หรือทาปลาขณะย่าง
+วิธีทำ “คาบายากิซอส”
ซี่อิี๊วคิคโคมาน ๑/๒ ถต
เหล้ามิริน ๑/๒ ถต
น้ำตาล ๑/๔ ถต
เคี่ยวทั้งหมดด้วยไฟอ่อนๆเดือดปุดๆ ให้ค่อนข้างข้น
แล้วก็ทำปลาไหลแบบเดียวกันแต่ต่างรส
หรือ
ไปซื้อปลาไหลญี่ปุ่นสำเร็จรูปมาค่ะ ตั้งกระทะใส่น้ำมันจิ๊ดหนึงเอาปลาด้านหนังวางราดซอสคิกโคแมนลงไปหน่อยนึง โรยหน้าด้วยน้ำตาลอีกนิ๊ดดดด แล้วใส่น้ำหล่อหน่อยๆด้วย จนกระทั่งปลาไหลมันนุ่มดี โอ๊ยยย ออกมาอร่อยเหาะเลย ลองดูนะ
อาหารชุดเนื้อม้วนราดซอส
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
เต้าหู้แข็ง 1 ก้อน
หน่อไม้ฝรั่ง 3 ก้อน
เนื้อวัวสไลด์เป็นแผ่นบาง 150 กรัม
พริกไทย เกลืือ เล็กน้อย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้าสาเก 1 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
ขิงฝน
ข้าวญี่ปุ่นที่สุกแล้ว
ซุปไก่ใส่เนื้อดองและเห็ดเข็มทอง คลิ้กเพื่อดูวิธีทำ
วิธีทำ
1. นำเต้าหู้ก้อนมาห่อด้วยกระดาษทำขนม วางบนจานที่ทนความร้อนแล้วนำเข้าเตาอบไมโครเวฟประมาณ 5 นาที เพื่อไล่น้ำออก จากนั้นตัดแบ่งเป็นท่อนยาวๆ 6 ท่อน
2. หน่อไม้ฝรั่งตัดส่วนแข็งตรงโคนและเฉือนส่วนตาของแต่ละข้อออก หั่นเป็น 2 ท่อนตามความยาว วางบนจานทนความร้อนหุ้มด้วยแรปพลาสติกแล้วนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 2 นาที
3. แบ่งเนื้อวัวสไลด์เป็น 6 แผ่น นำมาคลี่ออกวางทับด้วย เต้าหู้ก้อน + หน่อไม้ฝรั่ง จากนั้นม้วนห่อไว้เป็นรูปแท่ง
4. โรยหน้าแผ่นเนื้อด้วยพริกไทย เกลือ และ แป้งมัน
5. นำกระทะขึ้นตั้งไฟใส่ น้ำมัน ( ถ้าเน้นสุขภาพแนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอก ) พอร้อนจนได้ที่้นำ้เนื้อที่ทำการห่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปเรียงไว้โดยให้ปลายเนื้อที่ม้วนเอาไว้อยู่ด้านล่าง กลิ้งเนื้อขณะทอดไปมาให้สุกทั่วถึงกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาล เหล้าสาเก และ โชยุ กับ ขิงฝน ( ควรทำการคลุกเคล้าโชยุกับขิงฝนเตรียมไว้ก่อน ) เคี่ยวจนซอสเริ่มงวดเป็นน้ำขลุกขลิกจึงนำขึ้นจัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
สูตรกิมจิ( Kumuchi )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- ผักกาดขาวปลี/ผักหางหงส์ หั่น หยาบ ๆ 1 ต้นใหญ่
- หัวไชเท้า 1 หัว
- แครอท 1 หัว
- เกลือหยาบ(เกลือทะเล) 6 ชต ใช้เกลือทะเลจะมีสีสวย
- น้ำตาลทราย 2 ชต
- พริกชี้ฟ้าแดง (ผ่าครึ่งเมล็ดออก )5 เม็ด (ถ้าชอบเผ็ดมากใช้พริกขี้หนูสีแดง 1 กำมือ )
- ซอสพริกอย่างเผ็ด 5 ชต.
- ขิงแก่สับ 1 ชต.
- กระเทียมสับ 5 กลีบใหญ่
- ต้นหอม หั่นเป็นท่อน ๆ 5 ต้น หรือมากกว่าตามชอบ
- น้ำสะอาด 500 ซี ซี
- มะนาว 1-2 ผล
วิธีทำ
1. นำผักกาดขาวล้างให้สะอาดผ่าครึ่งหั่นตามแนวยาว ใส่ตะกร้าผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
ขยำผักกาดเกลือป่น(ใช้เกลือป่นหมักผัก 3 ชต.) ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างผักด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง แล้วบีบน้ำออก แล้วนำผักลงในชามหรือหม้อที่สะอาด 2 . นำแครอท หัวไชเท้า ล้างให้สะอาดปอกเปลือกหั่นตามขวางลูกจนหมดแล้วหั่นเป็นเส้นอีกครั้ง หมดทั้งสองอย่าง เพื่อความสวยงาม หั่นเป็นขวาง ๆ แล้วจักเป็นดอก ๆ
3 . นำเครื่องปรุงไปปั่นให้ละเอียด รวมเกลือที่เหลือ 3 ชต. (6 ชต. ใช้หมักผักไป 3 ชต)
4 . นำเครื่องปรุงทั้งหมดเทลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายคนให้ทั่ว นำผักกาด หัวไชเท้า แครอท และต้นหอม ลงคลุกเคล้า นำใส่ขวดโหลปิดฝาพักไว้ 24 ชม. หลังจากนั้นนำมาใส่จานรับประทานได้เลย
เมื่อครบ 24 ชม แล้วลองชิมดูว่าอ่อนเปรี้ยว อ่อนเค็มไปหรือเปล่า ปรุงด้วยน้ำมะนาวและเกลือป่นสูตรนี้เก็บไว้ในตู้เย็นรับประทานได้ 1 เดือน
สูตรผักดอง (Piccalilli)
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
ดอกกะหล่ำ 1 1/2กก
แครอท 1/2 กก
กระหล่ำปลีธรรมดา 1/2 กก
(ผัก จะใช้อะไรมากอะไรน้อยตามชอบ นน.รวมกันแล้วอย่าเกิน 2 1/2 กก)
เกลือป่น 2 ชช
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวงกับอีก 2 ชต.
น้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวง
น้ำสะอาด 1 3/4 ถ้วยตวง
กานพลู 4 ก้าน (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องก็ได้นะคะ กานพลู)
วิธีทำ
1) ผัก ทั้ง 3 ชนิด ล้างให้สะอาด หั่นเป็นคำ ๆ
2) ต้ม น้ำส้ม น้ำตาล น้ำสะอาด เกลือ เคี่ยวไฟอ่อน ๆ จนน้ำตาลละลาย ยกขึ้นมาทิ้งไว้ให้เย็น
3) ตั้งหม้อ ต้มน้ำสะอาด พอน้ำเดือด นำผักทั้งหมดใส่ตะแกรง กดให้จมในน้ำเดือด 30 วินาที ปิดไฟ
4) ตักผักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้ให้เย็น อย่าแช่น้ำเย็นเด็ดขาด
5) เมื่อ ข้อ 2) และ ข้อ 4) เย็นสนิทแล้ว นำใส่ภาชนะ ที่มีฝาปิด ปิดฝาให้สนิท
แช่ตู้เย็นดอง 72 ชม. จึงจะเสริฟได้ มีความกรอบนาน 1 เดือน
ใช้ผสมทำสลัด ทำแซนด์วิช หรือใช้แนมกินกับอาหารที่ทอดมัน ๆ จะแก้เลี่ยนและอร่อย มากๆ
สลัดเต้าหู้ญี่ปุ่น ( Tofu salad )
สลัดเต้าหู้ญี่ปุ่น เมนูลดน้ำหนักขนานแท้แน่นอน แถมยังให้คุณค่าอาหารที่ครบถ้วน ไม่มีไขมัน เปี่ยมไปด้วยวิตามินจากผักใบเขียว โปรตีนจากถั่ว และเกลือจากน้ำสลัด ที่จะให้รสชาติเบาๆ แต่เปี่ยมคุณค่า ลงมือทำกินกันเองได้ง่ายๆ ที่บ้านค่ะ เรามาดูว่ามีเครื่องปรุุ่งอะไรบ้าง...
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
ผัดสลัด
1. ผักกาดเอ็นไดฟหยิก (ผักกาดแก้วหรือผักสลัดทั่วไป) 1 ต้น
2. มะเขือเทศ 1 ผล
3. เต้าหู้ขาวญี่ปุ่น 1 แพ็ค
4. พริกหวานสีเหลือง แดง หรือเขียว 1 เม็ด
5. กุ้งต้มหั่นชิ้นเล็กๆ พอคำ 8 - 10 ตัว
เครื่องปรุงน้ำสลัด
1. งาขาวคั่วบุบ 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำส้มสายชูหมัก 2 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
5. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ้วญี่ปุ่น (ตามต้องการ)
7. เกลือ (ตามต้องการ)
วิธีปรุงน้ำสลัด
นำส่วนผสม 2-7 เทรวมกันแล้วคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วใส่งาขาวบุบ เพื่อเพิ่มความหอม คนให้เข้ากัน ใส่ถ้วยพักไว้
ล้างและเด็ดผักสลัดเป็นใบๆ จัดวางในชามให้สวยงาม นำพริกหวานและมะเขือเทศที่หั่นแล้วเรียงสลับ ใส่กุ้งต้มหั่นชิ้นเล็ก แล้วคลุกเบาๆ ให้ทั่วกัน นำเต้าหู้ขาวหั่นเป็นก้อนลูกเต๋าวางเหนือเครื่องสลัด นำแช่ตู้เย็นให้เย็นสักครู่ เมื่อจะทานจึงนำออกมาแล้วราดด้วยน้ำสลัด พร้อมเสิรฟ์
สลัดเต้าหู้ทอด
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
เต้าหู้ทอด 2 ชิ้น
แครอท (ส่วนหัว) 1 ท่อนเล็ก
คอนยักกุ (ก้อนบุก) 1/3 ก้อน
เห็ดหอม 3-4 ดอก
ผักกวางตุ้ง 2 ต้น
งาขาวคั่วบด เล็กน้อยแล้วแต่ความชอบ
เหล้าสาเกและเหล้ามิริน อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก (แนะนำ DHC ORO de GENAVE นำมันมะกอกเพื่อสุขภาพ) 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีปรุง
1. นำชิ้นเต้าหูทอดลงแช่น้ำร้อนพอท่วมเพื่อดึงความมันออกแล้วนำขึ้นทันที ใ่ช้กระดาษค่อยๆ ซับน้ำและน้ำมันออกทั้งก้อน
2. ฝานเต้าหู้ด้านที่ทอดจนเหลืองให้มีความหนาประมาณ 4-5 ม.ม. แยกเฉพาะเนื้อเต้าหู้ด้านในมาบดให้เละ
3. นำงาขาวบดผสมลงไปในเนื้อเต้าหู้ กวนให้เข้ากัน
4. นำแครอท (พร้อมเปลือก) และก้อนคอนยักกุมาหั่นเป็นท่อนๆ หนา 5 ม.ม. ส่วนเห็ดหอมตัดก้านออกแล้วฝานเป็นชิ้นบางๆ ผักกวางตุ้งตัดก้านและใบออกเป็นท่อนเล็กๆ
5. นำหม้อขึ้นตั้งไฟใส่ ORO de GENAVE นำคอนยัคกุผัดจนน้ำมันเดือด เติมแครอทผัดพอสุก เติมเห็ดหอม ผัดพอใกล้ๆสุกจึงใส่แผ่นเต้าหู้ทอดที่ฝานไว้ ก้าน และใบผักกวางตุ้งตามลำดับ ปรุงรสด้วยส่วนผสม เหล้าสาเก เหล้ามิริน เกลือ และ โชยุ คลุกให้ทั่วจนเข้ากัน แล้วยกลงจากเตา
6. เติมส่วนผสม 3 ลงไปคลุกให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
การใช้เนื้อในของเต้าหู้ทอด ทำให้ไม่ต้องเสียเวลากับการซับน้ำออกจากเต้าหู้ เหมือนการใช้เต้าหู้ก้อนทั่วๆ ไป
สูตรเมนชิคัตซึ (めんちかっつ)
เนื้อหมูบด 300 กรัม
หัวหอมสับละเอียด 100 กรัม
เกร็ดขนมปัง 20-30 กรัม
นม 3 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย
แป้งสาลี
วิธีทำ
1. นำหัวหอมใหญ่สับละเอียด ไข่ไก่ เกร็ดขนมปัง เกลือ นม และ พริกไทยป่นตามชอบ คลุกเคล้าด้วยมือให้เข้ากัน
2. นำเนื้อหมูสับละเอียดใส่ลงในชามที่ผสมเครื่องไว้แล้ว คลุกเคล้านวดด้วยมือจนส่วนผสมเข้าที่กันดี
3. เมื่อนวดจนเหนียวจับตัวกันดีแล้ว ให้กวนเป็นก้อนแล้วปาใสชามประมาณ 10 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้เนื้อเหนียวนุ่มยิ่งขึ้น
4. หลังจากนั้นนำเนื้อที่ได้นำมาปั้นเป็นก้อนวงรี จะได้ประมาณ 5 ถึง 6 ก้อน
5. นำก้อนเนื้อที่ปั้นไว้ไปคลุกกับแป้งสาลี จากนั้นนำไปชุปกับไข่ให้ทั่วและโรยด้วยเกร็ดขนมปังอีกที พร้อมที่จะรอทอด
6. เทน้ำมันใส่ลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อนจัดนิดนึงแล้วเริ่มใส่เนื้อที่เตรียมไว้ ทอดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วค่อยกลับด้าน เนื้อจะได้ไม่เละติดกระทะ ทอดจนสุกและเหลืองกรอบได้ที่ นิยมทานเมนชิคัตซึกับผักสดหรือผักลวก เช่น ผักสลัด, แครอท, แตงกวา, มันฝรั่งต้ม (บดละเอียดผสมกับมายองเนต) มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง ฯลฯ โดยจะจัดใส่จานไว้อย่างสวยงาม
ปลาเนื้อขาวราดซอสหัวไชเท้า
" ปลาเนื้อขาวราดซอสหัวไชเท้า เคล็ดลับความอร่อยของจานนี้อยู่ที่หัวไชเท้าบดในน้ำซอสที่ช่วยเพิ่มรสชาติและทำให้หนักท้องแต่แคลอรี่เบาๆ ทานได้ไม่อั้น "
ส่วนผสมและเครื่องปรุง (สำหรับ 4 ท่าน)
ปลาทาระ 400 กรัม
หัวไชเท้า 1 ท่อนเล็ก
พริกชี้ฟ้าญี่ปุ่น 6 เม็ด
เห็ดเออรินจิ (เห็ดโคนหลวง) 1 แพ็ค
น้ำซุปปลา (ดะชิ) 400 มิลลิลิตร
เหล้าสาเกและเหล้ามิริน อย่างละ 1 + 2 / 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน เล็กน้อย
น้ำมันมะกอก (แนะนำ DHC ORO de GENAVE นำมันมะกอกเพื่อสุขภาพ) สำหรับทอด
พริกป่นญี่ปุ่น เล็กน้อย
วิธีปรุง
1. โรยเกลือ (นอกส่วนผสม) ที่ชิ้นปลาทาระ ห่อด้วยกระดาษไขแล้วนำเข้าตู้เย็นพักไว้ 30 นาทีเพื่อดึงน้ำส่วนเกินออก
2. นำหัวไชเท้ามาปอกเปลื่อกแล้วฝนให้ละเอียด จากนั้นกดเนื้อหัวไชเท้าเบาๆ เพื่อแยกน้ำออก เห็ดเออรินจิหั่นเป็นชิ้นพอคำ ส่วนพริกชี้ฟ้าญี่ปุ่นใช้มีดกรีดให้มีรอยแยกแตกเล็กน้อย
3. นำชิ้นปลาทาระออกจากตู้เย็น เลาะก้างออกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ
4. ละลายแป้งมันบางส่วนกับน้ำเตรียมไว้ นำน้ำซุปปลาใส่หม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง เติมเหล้าสาเก เหล้ามิริน เกลือ โชยุ เมื่อเดือดแล้ว ใช้ทัพพีคนไปพร้อมๆ กับเติมแป้งมันละลายน้ำเพื่อให้ข้นขี้นเล็กน้อย เติมหัวไชเท้าฝนลงไป เมื่อนำ้ซุปเดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ ยกลงจากเตา
5. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่ DHC ORO de GENAVE เมื่อได้อุณหภูมิประมาณ 165 องศา นำพริกชีฟ้าญี่ปุ่นและเห็ดเออรินจิลงทอด ส่วนเนื้อปลานั้นหลังจากคลุกกับแป้งมันแล้วนำลงทอดที่อุณหภูมิ 175 องศา
6. นำของทอดจัดใส่จาน ราดทับด้วยน้ำซุปในข้อ 3 โรยหน้าด้วยพริกญี่ปุ่นพร้อมเสิร์ฟ
การเติมหัวไชเท้าฝนลงไปจะช่วยเพิ่มรสชาติและปริมาณให้อาหาร แต่แคลอรี่ไม่สูงตามไปด้วย
ทูน่าย่างผัดผัก ( Tuna roast )
ส่วนผสมสำหรับ 1 - 2 ที่่
เนื้อปลาทูน่าหั่นชิ้นหนา 200 กรัม
เห็ดหอมสด 30 กรัม
ซูกินีสไลซ์ 30 กรัม
เหล้ามิริน 2 ช้อนโต๊ะ
แอสพารากัส 50 กรัม
ไรซ์เวนิการ์ (Rice Vinegar) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผัดเห็ดหอม แอสพารากัส และซูกินีกับน้ำมันมะกอก พอสุกใส่เหล้ามิรินและน้ำส้มสายชูหมัก แต่งรสด้วยน้ำตาลทราย และโชยุ ตักใส่จานเตรียมไว้
2. คลุึกเนื้อปลากับเกลือและพริกไทยดำให้ทั่ว นำไปนาบลงในกระทะเคลือบพอให้ผิวสุกทีละข้าง จากนั้นนำมาสไลซ์ให้สวยงามนำไปแต่งลงในจานผักที่เตรียมไว้ให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
เทมปุระทูน่า ( Tuna Tempura )
ส่วนผสมสำหรับ 1 - 2 ที่่
เนื้อปลาทูน่าหั่นชิ้นหนา 200 กรัม
ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน 2 ฟอง
แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
ใบชะพูล 50 กรัม
เกลือและพริกไทยดำบดหยาบเล็กน้อย
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นเต๋าเล็กๆ จากนั้นนำไปคลุกกับเกลือและพริกไทยให้ทั่ว นำไบชะพูลมาห่อให้แน่น นำไปชุบกับไข่ไก่และแป้งทอดกรอบ แล้วนำไปทอดในน้ำมัน
2. สุกกรอบดีแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนจัดใส่จานให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ
ซุปมิโซะ (misoshiru)
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- น้ำเปล่า 4 ถ้วย
- มิโซะ 1/4 - 1/2 ถ้วย
- เกล็ดปลาแห้ง 2 ถ้วย
- สาเก 2-3 ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้ขาวเนื้ออ่อนหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ก้อน
- สาหร่ายทะเลแช่น้ำ 1/2 ถ้วย
- เห็ดเข็มทอง 1 ถ้วย
- ต้นหอมซอย 2 ต้น
วิธีทำ
ตักมิโซะใส่ชามเล็ก ละลายกับน้ำแล้วเทลงในหม้อ ใส่สาเก นำไปตั้งไฟจนเดือด หรี่ไฟลงแล้วใส่เกล็ดปลาแป้งลงไป ดับไฟทันที ตั้งทิ้งไว้สักพัก กรองน้ำมาทำซุป โดยตั้งไฟใฟ้ร้อน ใส่เต้าหู้ สาหร่าย เห็ดเข็มทอง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยละเอียด ต้องรับประทานร้อนๆจึงจะอร่อย
หมายเหตุ
- ถ้าไม่มีเกล็ดปลาแห้งและสาเก ใส่เฉพาะมิโซะก็ได้ ใส่เต้าหู้ เห็ดในน้ำเดือดก่อน แล้วจึงใส่มิโซะทีหลัง และอย่าต้มนาน เพราะจะทำให้กลิ่นและรสชาติหายไป
- น้ำซุปนี้จะไปทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๊ยวญี่ปุ่นก็ได้
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ
วิธีทำตักมิโซะใส่ชามเล็ก ละลายกับน้ำแล้วเทลงในหม้อ ใส่สาเก นำไปตั้งไฟจนเดือด หรี่ไฟลงแล้วใส่เกล็ดปลาแป้งลงไป ดับไฟทันที ตั้งทิ้งไว้สักพัก กรองน้ำมาทำซุป โดยตั้งไฟใฟ้ร้อน ใส่เต้าหู้ สาหร่าย เห็ดเข็มทอง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยละเอียด ต้องรับประทานร้อนๆจึงจะอร่อย- ถ้าไม่มีเกล็ดปลาแห้งและสาเก ใส่เฉพาะมิโซะก็ได้ ใส่เต้าหู้ เห็ดในน้ำเดือดก่อน แล้วจึงใส่มิโซะทีหลัง และอย่าต้มนาน เพราะจะทำให้กลิ่นและรสชาติหายไป- น้ำซุปนี้จะไปทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๊ยวญี่ปุ่นก็ได้
ซุปไก่ใส่เนื้อดองและเห็ดเข็มทอง
ส่วนผสมและเครื่องปรุง ( สำหรับ 2 ท่าน ) เนื้อไก่ 1 ชิ้น
แป้งมัน เศษ 1 ส่วน 2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดเข็มทอง 1 กำมือ
บ๊วยดอง 1 ลูก
น้ำซุปญี่ปุ่น ( Dashi ) 400 ซีซี
เกลื่อ เศษ 1 ส่วน 2 ช้อนชา
โชยุ เล็กน้อย
วิธีทำ 1. นำเนื้อไก่มาหั่นตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับเกลือ ( ไม่ได้รวมในส่วนผสม ) และแป้งมัน
2. เห็ดเข็มทองให้ตัดส่วนแข็งตรงโคนออก ใช้มือแยกเป็นช่อเล็กๆ ส่วนบ๊วยดองให้แกะเม็ดออกี
3. นำน้ำซุปญี่ปุ่นใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ เมื่อน้ำซุปเดือดให้ทยอยใส่เนื้อไก่ลงไป ใส่เห็ดเข็มทองตาม เร่งไฟจนเดือดปรุงรสด้วยเกลือ โชยุ
4.ตักใส่ชาม แต่งหน้าด้วยบ๊วยดอง พร้อมเสิร์ฟ
ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น ( Chawanmushi )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เนื้อไก่หั่นชิ้นบาง 1/2 ถ้วย
กุ้งชีแฮ้ 2 ตัว
เห็ดหอม 2 ดอก
ถั่วแขก 2 ฝัก
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
เหล้ามิริน 1 1/4 ช้อนชา
เหล้าสาเก 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
น้ำซุปไก่ 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ต่อยไข่ใส่ถ้วย ตีให้เข้ากัน ใส่น้ำซุป เกลือ เหล้ามิริน 1 ช้อนชา เหล้าสาเก คนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอนตาถี่
2. เคล้าเนื้อไก่กับซีอิ๊วขาว และเหล้ามิรินที่เหลือเข้าด้วยกัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
3. แช่เห็ดหอมพอนุ่ม บีบน้ำออก หั่นเป็นชิ้นบาง
4. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ผ่าหลังชักเส้นดำออก พักไว้
5. ล้างถั่วแขก ลวกในน้ำเดือดที่ใส่เกลือเล็กน้อย แช่น้ำเย็น หั่นแฉลบยาวๆ
6. แบ่งเครื่องปรุงแต่ละชนิดออกเป็น 2 ส่วน (ยกเว้นกุ้ง เห็ดหอม ถั่วแขก) ส่วนที่หนึ่งให้แบ่งใส่ถ้วยสำหรับนึ่ง 2 ถ้วย รินไข่ที่ผสมไว้ในข้อ 1 ลงข้างบน นึ่งในน้ำเดือด ลดไฟอ่อน พอไข่อยู่ตัว ค่อยๆ วางกุ้ง เห็ดหอม ถั่วแขก ปิดฝานึ่งต่อพอกุ้งสุก ยกลงจากเตา
หมายเหตุ : ใช้เนื้อปลาแทนกุ้งได้
แซลมอนโรล ( Salmon roll )
ส่วนผสมสำหรับ 1 - 2 ที่่
ข้าวญี่ปุ่นปรุงรส 1 ถ้วย
สาหร่ายแผ่น 2 - 3 แผ่น
แซลมอนสดหั่นยาว 100 กรัม
วิธีทำ
1. นำแผ่นม้วนวางลงตามยาววางแผ่นสาหร่ายลงข้างบน เกลี่ยข้าวปรุงรส ( ได้จากการผสมน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำส้มสายชูหมักเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปเคล้ากับข้าวญี่ปุ่นหุงสุก ) บางๆ ใส่ลงจนเต็มแผ่น
2. ใส่ชิ้นแซลมอนลงตรงกลาง ค่อยๆ ม้วนให้แน่น จากนั้นตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟ
เวลาในการปรุง 15 นาที
ไก่ย่างยากิโทริ ( Yakitori )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. สะโพกไก่น้ำหนัก 150 กรัม 1 ชิ้น
2. พริกหวาน เขียว แดง อย่างละ 1/4 หัว
3. หอมใหญ่ 1/4 หัว
4. น้ำจิ้มปลาย่างญี่ปุ่น 1/2 หัว
5. ไม้สำหรับเสียบเนื้อไก่ 2 ชิ้น
วิธีทำ
1. ล้างสะโพกไก่ เลาะกระดูกไก่ออก หั่นเป็นชิ้นขนาดหนึ่งนิ้ว คลุกเนื้อไก่กับน้ำจิ้มปลาย่าง 1 ช้อนโต๊ะ หมักไว้ 10 นาที
2. ล้างพริกหวาน หั่นเป็นชิ้นขนาด หนึ่งคูณหนึ่งนิ้ว
3. ปอกเปลือกหอมใหญ่ หั่นเป็นชิ้นขนาด หนึ่งคูณหนึ่งนิ้ว
4. เสียบเนื้อไก่ พริกหวาน หอมใหญ่ สลับกันอย่างละหนึ่งชิ้น ทำจนหมด นำไปย่างไฟกลางพอสุกเหลือง
5. จัดไก่เสียบไม้ย่างใส่จานที่รองด้วยใบชิโซ ราดน้ำจิ้มปลาย่างที่เหลือ เสิร์ฟ
แฮมเบอร์เกอร์ญี่ปุ่น ( Hanba-gu )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
เนื้อวัวบด( หรือเนื้อหมูแล้วแต่ความชอบค่ะ )
หอมหัวใหญ่ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
แป้งมัน
เกร็ดขนมปัง
เกลือป่น
พริกไทย
เกลือ
ซอสมะเขือเทศ
ซอสบาบิคิว
น้ำมัน
แครอท
บร็อคโคลี่
หมายเหตุ : ใช้เนื้อหมูแทนได้แล้วแต่ความชอบ
วิธีทำ
1. นำหอมหัวใหญ่มาหั่นซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ (ลูกเต๋า)จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันปรมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ รอให้น้ำมันร้อนจนได้ที่ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปผัดจนสุก
2. นำแป้งมันประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำคนให้ทั่วจนแป้งละลาย(ไม่เป็นก้อน)จากนั้นนำแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วผสมกับเกร็ดขนมปังที่เตรียมไว้ (ใช้เกร็ดขนมปังประมาณ ครื่งถ้วยเล็ก)ถ้าใส่เยอะเกินไปจะไม่อร่อย
3. นำเนื้อวัวบดมาผสมคลุกเคล้ากับแป้งมัน เกร็ดขนมปัง,หอมหัวใหญ่ที่สุกแล้ว,พริกไทย,เกลือ
4. ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
5. แล้วปั้นให้เป็นก้อน (ระวังอย่าปั้นให้มีขนาดใหญ่จนเกินไปเพราะอาจทำให้ข้างในไม่สุก)
6. จากนั้นนำลงทอดในกระทะ ใช้ไฟอ่อนๆในการทอดนะ เพราะถ้าไฟแรงเกินไปจะทำให้ข้างนอกใหม้และข้างในไม่สุก
7. วิธีทำน้ำซอส นำซอสมะเขื่อเทศ กับ ซอสบาบิคิวในสัดส่วนที่เท่ากัน นำลงเคียวในกระทะใช้ไฟอ่อนๆจนรู้สึกว่าอุ่นๆก็พอแล้วจากนั้นก็นำไปราดบนแฮมเบอร์เกอร์แบบญี่ปุ่นได้เลย และสำหรับผู้ที่ชอบทานผักก็นำผัก เช่นบร็อคโคลี่,แครอทนำไปต้มจนสุก
นำมาจัดประดับประดาทำให้แฮมเบอร์เกอร์ให้ดูมีสีสันเพิ่มความน่ากิน และที่สำคัญมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
สุกียากี้ญี่ปุ่น ( Gyuniku no sukiyaki )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. เนื้อสันในหั่นชิ้นบาง 150 กรัม
2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
3. เต้าหู้หลอดหั่นชิ้นหนา 1 นิ้ว 1 หลอด
4. เส้นชิราตากิ ½-1 ถ้วย
5. ผักกาดขาว 1 ต้น
6. ต้นหอม 2 ต้น
7. แครอท ½ หัว
8. เห็ดเข็มทอง 120 กรัม
9. ข้าวโพดอ่อน 4 ฝัก
10. หอมใหญ่หั่นเป็นแว่น 1 หัว
11. น้ำซุปปลาแห้ง 1-2 ถ้วย
12. เนย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ล้างผักกาดขาว ต้นหอม แครอทข้าวโพดอ่อน หั่นผักกาดขาวเป็นชิ้นใหญ่ หั่นต้นหอมเป็นท่อนยาว ปอกเปลือกแครอทหั่นเป็นชิ้น ตัดขั้วข้าวโพดอ่อนออก
2. จัดผักทั้งหมดใส่ถาด วางเนื้อ เต้าหู้ เส้นชิราตากิ เตรียมไว้
3. เวลารับประทาน ตั้งน้ำซุปที่ใส่ในหม้อสุกี้ยากี้ให้เดือด ใส่เนย ไข่ไก่ พอเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อ เต้าหู้ ผักทั้งหมด พอสุกตักใส่ถ้วยรับประทานกับพริกป่น ซีอิ๊วญี่ปุ่น
มันทอดญี่ปุ่น ( Korokke )
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
มันฝรั่ง
เนื้อวัว หรือ เนื้อหมู ( แล้วแต่ความชอบค่ะ )
เกลือ
พริกไทย
น้ำมัน
แป้งมัน
เกร็ดขนมปัง
ไข่ไก่
หอมหัวใหญ่
วิธีทำ
1. ต้มมันฝรั่ง(ทั้งเปลีอก)จนเนื้อสุกอ่อนได้ที่(ใช้ตะเกี่ยบแทงดูว่าเนื้อของมันฝรั่งอ่อนได้ที่หรือยัง)พอสุกแล้วพักไว้
2. ตั้งกระทะ นำเนื้อกับหอมหัวใหญ่ลงผัดจนสุกแล้วพักไว้
3. ลอกเปลีอกมันฝรั่งออกจากนั้นนำไปบดให้ละเอียด
4. ผสมมันฝรั่งกับ เนื้อ + หอมหัวใหญ่ ( ที่สุกแล้ว ) ให้เข้ากัน
5. นำไปไส่ถาดแล้วตัดแบ่งให้เท่ากัน
6. จากนั้นแยกส่วนที่ได้ตัดแบ่งไว้แล้วปั้นเป็นก้อน
7. นำมันก้อนมันฝรั่งไปชุปไข่ไก่ทั้งก้อนแล้วนำมาชุปแป้งมันจากนั้นนำไปชุปไข่ไก่อีกรอบก่อนที่จะชุปด้วยเกร็ดขนมปัง
8. นำลงทอดในน้ำมันจนสุกเป็นสีเหลืองนวลก็รับประทานได้แล้ว ง่ายไหม