อาหารกล่อง Arigato BENTO

อาหารกล่อง Arigato BENTO
อาหารกล่อง Bennto

Arigato BENTO Kabuki Set

Arigato BENTO Kabuki Set

อาหารกล่อง Arigato BENTO

อาหารกล่อง Arigato BENTO
Arigato BENTO Mini-box

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ ( Salmon teriyaki roast )

ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ (Salmon teriyaki roast)
ส่วนผสมสำหรับ 1 - 2 ที่่
เนื้อปลาแซลมอนแล่ 100 กรัม
โชยุซอสญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำสต๊อก 1/2 ถ้วย
เหล้ามิริน 1/2 ถ้วย
เหล้าสาเก 1/2 ถ้วย
ผงปรุงรสฮอนดาชิ 1 ช้อนชา
เกลือและพริกไทยเล็กน้อย
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะร้อนดีแล้วผัดโชยุ น้ำตาล น้ำสต๊อก มิริน สาเก ฮอนดาชิ เกลือ และพริกไทยเคี่ยวให้เข้ากันจนข้น ชิมรสตามชอบ ตักขึ้นพักไว้
2. นำชิ้นปลาลงนาบในกระทะเคลือบให้พอสุกราดด้วยซอสเทริยากิที่เตรียมไว้ รอให้เนื้อปลาสุกทีละข้าง ตักขึ้นใส่จานพร้อมผัดผักและซอสเทริยากิตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

ยำปูอัด Kani Sunomono

ส่วนผสม
-
-
-

วิธีทำ
-
-
-

กุ้งนุ่งสาหร่าย Ebi Isobe Age

ส่วนผสม

ข้าวห่อสาหร่ายกรวย Tenmaki

ส่วนผสม 2 ที่
-
-
-

วิธีทำ
-
-
-
-

เต้าหู้เย็น HIYAYAKKO

เต้าหู้เย็น HIYAYAKKO
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

เต้าหู้อ่อนแช่เย็น 2 ก้อน
ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ
ปลาโอแห้ง Kasuobushi 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมญี่ปุ่นซอย 1 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มยูซุหรือน้ำเลมอน 1ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.
2.
3.

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

22222222

123456789

000000000000000

11111111111111111111

อาหารทานเล่น

ทำอาหารทานเล่น

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551

อุด้ง-หมูทอด

ส่วนประกอบ
- เนื้อหมูสันนอกหั่นหนา 1 ซ.ม. 500 กรัม (4-5 ชิ้น)
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- นมสด 1/4 ถ้วย
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ตราว่าว 1/2 ถ้วย
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เกล็ดขนมปังป่น 1/2 ถ้วย
- เส้นอุด้งต้มสุก 500 กรัม
- น้ำซุปปลาโอ 6 ถ้วย
- ซอสถั่วเหลืองสีอ่อน 4 ช้อนโต๊ะ
- มิริน(เหล้าหวาน) 3 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอยละเอียด 2 ต้น
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
- นำหมูมาทุบให้นุ่ม แล้วใส่เกลือ พริกไทย นมสดลงไป หมักไว้เป็นเวลา 20 นาที
- แล้วนำหมูที่หมักไว้มาชุบแป้งสาลี ชุบไข่และเกล็ดขนมปัง เอาลงไปทอดในน้ำมั
ทั้งสองด้าน แล้วพักไว้ในกระดาษซับมัน
- จากนั้นนำเส้นอุด้งมาลวก เทใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำน้ำซุปปลาโอมาตั้งไ
รสด้วยซอสถั่วเหลืองกับมิริน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- เวลาเสิร์ฟให้ตักเส้นอุด้งที่ลวกแล้วใส่ชาม หั่นหมูเป็นชิ้นพอคำวางไว้ข้างบน แล้ว
โอ ตามด้วยต้นหอมหั่นเล็กๆ

อุด้งต้มยำ

เส้นอุด้งชนิดแห้ง 100 กรัม
กุ้งก้ามกราม 2 ตัว
เห็ดฟางผ่าครึ่ง 6 ดอก
พริกขี้หนูสวนบุบ 20 เม็ด
ข่าหั่นแว่น 6 แว่น
ตะไคร้หั่นแฉลบ 2 ต้น
ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
นมสดชนิดจืด 1/2
ถ้วย น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 1 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. ต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เส้นอุด้งลงต้มให้สุกนุ่ม ตักขึ้นผ่านน้ำเย็น พักให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างกุ้งก้ามกราม แกะเปลือก เด็ดหัว เด็ดหาง ดึงเส้นดำออก ใช้มีดบากใต้ท้องให้เอ็นกุ้งขาด ดึงตัวกุ้งให้ตรง
3. ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พอเดือดอีกครั้งใส่ เส้นอุด้งต้ม พอเดือดใส่เห็ดฟาง กุ้ง ต้มพอสุก
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนู น้ำพริกเผา ชิมรสให้เข้มข้น ยกลง ทิ้งไว้ให้อุ่นจึงใส่นมสด คนพอทั่ว ตักใส่ชาม เสิร์ฟ

เสต็กเนื้อสัน

เนื้อสัน 200 กรัม
เนยสด 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียม 1 หัว
หอมแดง 1 หัว
พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
แครอท, ถั่วแขก, มันฝรั่ง วิธีทำ
1. โขลกกระเทียม หอมแดง พริกไทยป่น เกลือป่นให้เข้ากัน
2. หมักเนื้อกับส่วนผสมในข้อ 1 และซอสปรุงรสให้เข้ากัน โดยเอาส้อมจิ้มให้ทั่วพักไว้ 1 ชั่วโมง
3. ทอดเนื้อในกระทะให้สุกมากน้อยตามใจชอบ
4. เสิร์ฟคู่กับแครอท ถั่วแขก มันฝรั่งลวก
5. ราดหน้าด้วยน้ำเกรวี่ โดยนำน้ำที่เหลือจากที่ทอดเนื้อและหมักเนื้อ ตั้งไว้เติมน้ำซุปเล็กน้อย ผสมแป้งข้าวโพดให้ข้นราดทับบนชิ้นเนื้อที่หั่นไว้แล้ว

ประวัติ ราเมน

บะหมี่ราเมน มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นประเทศที่บะหมี่ทุกชนิดได้ถือกำเนิดขึ้นมา คำว่าบะหมี่ในภาษาจีนเรียกว่า “โล-เมียง” ซึ่งหมายถึง บะหมี่ที่ต้มแล้ว บะหมี่แบบจีนกลายเป็นที่โปรดปรานอย่างมากในเมืองซับโปโร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้ราเมนกลายเป็นอาหารประจำท้องถิ่นของเมืองซับโปโร เหมือนกับที่เบคบีนเป็นอาหารประจำท้องถิ่นของเมืองบอสตัน ในประเทศอื่น ๆ คำที่ใช้เรียกราเมนก็แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศสิงคโปร์จะเรียกราเมนว่า “แม๊กกี้ มี”
ผู้ที่ริเริ่มเปลี่ยนกระบวนการผลิตราเมนแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่บรรจุในซองก็คือ นายโมโมฟูกุ เอนโดะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท นิสชิน ฟูดส์ จำกัด ในประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2513 บริษัท นิสชิน ฟูดส์ จำกัด ได้เผยแพร่บะหมี่“ท้อป ราเมน” ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทอื่น ๆ อีกหลายบริษัทได้ทำการเผยแพร่สินค้าที่เลียนแบบ “ท้อป ราเมน” แม้แต่ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม อย่างเช่น ลิปตัน และ แคมป์เบล ได้เริ่มทำการทดลองผลิตสินค้าที่มีลักษณะเหมือนราเมน ถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่นิสชินก็ยังสามารถควบคุมตลาดราเมนในสหรัฐฯ ได้เกือบครึ่งหนึ่ง และยังสามารถควบคุมตลาดโลกของราเมนได้ถึง 15% หรือประมาณสิบพันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อปี ในขณะที่เขียนบทความนี้ ราคาขายส่งโดยเฉลี่ยของ ราเมนบรรจุซองในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 12.5 เซนต์ เท่านั้น เนื่องจากราเมนกึ่งสำเร็จรูป ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในตลาด จึงมีการส่งออกข้ามพรมแดน และกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับนานาชาติ ในปัจจุบันโรงงานผลิตราเมนไม่ได้มีแค่ในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังพบได้ในแถบยุโรป เกาหลี จีน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ราเมนของแต่ละประเทศจะสะท้อนให้เห็นถึงความชอบโดยเฉพาะของประเทศนั้นๆ ราเมนของเกาหลีจะมีรสจัดมากและมีซอสที่ทำจากถั่วดำบรรจุรวมอยู่ในซอง ประเทศจีนจะผลิตบะหมี่เป็นรสชาติซูฉวน บะหมี่ที่ผลิตในประเทศไทยจะเป็นเส้นบางๆ และมีเครื่องเทศรสจัดบรรจุรวมอยู่ในซอง ส่วนญี่ปุ่น จะชอบรสชาติแบบอาหารทะเล และรสของเครื่องเทศอ่อนๆ ในประเทศสหรัฐฯ จะมีบะหมี่รสเนื้อ รสเห็ด รสเครื่องเทศอ่อนๆ ซึ่งจะเรียกกันว่า “รสชาติแบบตะวันออก” จากหนังสือ The Book of Ramen โดย Ron Konzak - - จดสิขสิทธิ์ในปี 1995 บะหมี่และพาสต้ามีความสัมพันธ์ย้อนหลังไปมากกว่า 700 ปีก่อน เชื่อกันว่า ในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 มาร์โค โปโล ได้เดินทางไปประเทศจีนและนำเส้นบะหมี่กลับมายังประเทศอิตาลีเพื่อเพิ่มเข้าไปยังเมนูพาสต้าของประเทศ ในปัจจุบันรูปแบบการทำอาหารของตะวันออกและตะวันตกได้กลับมาพบกันอีกครั้ง อาหารที่ทำจากบะหม ี่จะรวมเอาส่วนผสม และรสชาติในแบบดั้งเดิมของเอเชียเข้าด้วยกันกับ วิธีการทำอาหารสมัยใหม่ของลกตะวันตก บะหมี่มีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมจีน มันเป็นสัญลักษณ์ของ “ความมีอายุยืน” และการบริโภคบะหมี่ถือว่าเป็นวิธีการทำให้อายุยืนยาว ตามธรรมเนียมแล้ว จะมีการเสิร์ฟบะหมี่ในวันเกิด เช่นเดียวกับที่ทางตะวันตกเสิร์ฟเค้กนั่นเอง

น้ำซุปบะหมี่

น้ำซุปบะหมี่
เครื่องปรุง
น้ำซุปปลาแห้ง 4 ถ้วย
ซีอิ้ว ญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะเ
กลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ฮอนตาชิ 1 ช้อนชา
กระดูกไก่ 1 โครง
ใส่น้ำซุปปลาแห้งลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่กระดูกไก่ที่ล้างสะอาด ต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 15 นาที หมั่นช้อนฟองทิ้งจนน้ำซุปใส ปรุงรสด้วยซีอิ้ว ญี่ปุ่น เกลือ น้ำตาล ฮอนตาชิ พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ กรองเอาเฉพาะน้ำซุปใสๆ
หมายเหตุ น้ำซุปบะหมี่ ใช้เป็นน้ำซุปเทมปุระและน้ำซุปอุด้งก็ได้

ข้าวอบเนย - ซี่โครงหมูบาร์บีคิว

ข้าวอบเนย - ซี่โครงหมูบาร์บีคิว
เครื่องปรุง
ข้าวสวยญี่ปุ่น 1 ถ.
ซี่โครงหมู 300 กรัม
เม็ดถั่วลันเตา 2 ชต.
ผักกาดแก้วหั่นชิ้นพอคำ 1/2ถ.
แครอทซอย เป็นเส้น 2 ชต.
เกลือป่น 1/2ชช.
พริกไทยป่น 1/2ชช.
ซอสหมูทอดญี่ปุ่น 3 ชต.
เนย 1ชต.
น้ำมันสลัด 2 ชต.
น้ำมันพืช 2 ชต.
น้ำสลัดใสญี่ปุ่น อะลูมินั่มฟอยล์
วิธีทำ
1. ล้างซี่โครงหมู สับเป็นท่อน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าซี่โครงหมู กับเกลือ พริกไทย อย่างละ 1/4ชช.
3. นึ่งซี่โครงหมู ที่ หมักในข้อ 2 ในน้ำเดือด ไฟแรง พอสุก ยกลง เคล้ากับซอสหมูทอด นว้ำมันสลัดให้ทั่ว นำซี่โครงหมู นึ่งไปย่างไฟกลางให้เหลืองหอม
4. ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอเนยละลาย ใส่ข้าวสวย เม็ดถั่วลันเตาผัดให้เข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยที่เหลือ ผัดพอทั่ว ตักใส่อะลูมินั่มฟอยล์ พับให้เห็นสี่เหลี่ยม อบประมาณ 5 นาที
6. ผสมแครอท ผักกาดแก้ว แช่เย็นไว้
7. วิธีจัดเสิร์ฟ จัดข้าวอบเนยใส่จาน วางซี่โครงหมูบาร์บีคิว เสร์ฟกับผักในข้อ 6 ราดด้วยน้ำสลัดใสญี่ปุ่น

ข้าวมันส้มตำ

ใบเตยคั้นเอาแต่น้ำ กะทิ น้ำตาลทราย เกลือ ส้มตำ มะละกอสับ กุ้งแห้งป่น ผิวมะนาวหั่นฝอย ถั่วตัด น้ำส้มมะขาม พริกแห้ง กระเทียม น้ำปลา มะนาว วิธีทำ
ข้าว หุงข้าวแบบธรรมดา แล้วใส่น้ำให้น้อยหน่อย พอท่วมข้าว เอากะทิ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ชิมรสให้ถูกใจ พอข้าวเริ่มงวด ก็เอาน้ำกะทิที่ปรุงแล้วเทใส่ลงไป คอยคนให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำใบเตยไปนิดหน่อย ข้าวจะสีสวยและหอมฉุย พอทุกอย่างเข้ากันได้ที่ ก็ปิดฝา แล้วพักไว้ ส้มตำ โขลกกระเทียม พริกแห้ง ตามด้วยถั่วตัด เมื่อเข้ากันดี ก็ใส่มะละกอสับ ตามลงไปคลุก อย่างเบามือ ปรุงรสด้วยน้ำส้มมะขาม มะนาว น้ำปลา ชิมรส ให้ชอบใจ แล้วโรยหน้าด้วยกุ้งแห้งป่น ผิวมะนาวหั่น ฝอย ข้าวมันส้มตำกินเป็นอาหารกลางวัน คนชอบหวานคงชอบ กินกับยอดผักบุ้งไทย และใบมะยมเข้ากันดี สูตรนี้อาจจะไม่เหมือนกับส้มตำ ส่วนผสมที่คุณ คุ้นตา คุ้นลิ้น แต่ลองทำดู จะได้เปลี่ยนรส และหน้าตาไปบ้าง

อุด้ง

แม้ในปัจจุบันที่อาหารทางตะวันตกเป็นที่นิยมรับประทานกันได้มีการค้นคิดน้ำซุปอุด้งเครื่องปรุงอุด้ง ตลอดจนเครื่องโรยหน้ารูปแบบต่างๆ จนอุด้งได้เป็นที่ชื่นชอบรับประทานกันมาทั้งใน 4 ฤดูมาแต่โบราณครับ ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว เป็นความเพลิดเพลินอย่างมากในการดูดซดอุด้ง ซึ่งเพิ่งทำเสร็จร้อนๆหลังจากเป่าให้เย็นลงเล็กน้อยครับ...วิธีการปรุงอุด้งมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น อีกทั้งมีความแตกต่างในการปรุงรสน้ำซุประหว่างซีกภาคตะวันออกกับภาคตะวันตก ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร...อุด้ง เดิมเป็นขนมก้อนกลมๆ ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนในสมัยนารา (ศตวรรษที่ 8) แต่เนื่องจากใช้ตะเกียบคีบขึ้นมารับประทานจากในน้ำซุปได้ยาก พอเข้าสมัยเอะโดะ(ศตวรรษที่ 17-19) จึงตัดเป็นเส้นยาวๆและรับประทานกันมาอย่างเช่นในปัจจุบันที่เราเห็นๆกันครับ...ประเภทของอุด้ง โดยทั่วไปแล้ว จะมีเส้น คิชิเม็ง (kishimen) ซึ่งแบนกว่าและเส้นฮิยะมุงิ (hiyamugi) ซึ่งเล็กกว่า และยังมีเส้นโซเม็ง (soomen) ซึ่งทำจากแป้งสาลีเช่นเดียวกับเส้นอุด้ง แต่เรียวเล็กกว่า ทำและนำออกตากแดดในฤดูหนาว โดยทั่วไปฮิยะมุงิ กับโซเม็ง จะทำแบบเย็นรับประทานกันในฤดูร้อน และสำหรับอุด้ง นอกจากมีเส้นอุด้งดิบ เส้นอุด้งต้มสุกแล้ว ยังมีเส้นอุด้งตากแห้ง ซึ่งจะเก็บไว้ ได้นานครับ...อาหารที่ทำจากเส้นอุด้งที่ขึ้นชื่อมี นะเบะยะคิ-อุด้ง(nabeyaki-udon) แล้ว ยังมีอุด้งแบบอื่นๆอีก เช่น คิทสึเนะ-อุด้ง (kitsune-udon = อุด้งใส่แผ่นเต้าหู้ทอด), เท็มปุระ-อุด้ง(tempura-udon = อุด้งใส่กุ้งชุบแป้งทอง), ชิปโปะคุ (shippoku = อุด้งใส่ลูกชิ้นแผ่นเห็ดหอม มิทสึบะ ซึ่งเป็นผักชนิดหนึ่งประกอบด้วยใบขนาดเล็ก 3 ใบ), คะมะ-อะเงะ-อุด้ง(kama-age-udon = อุด้งต้มสุกเสิร์ฟในน้ำร้อน จุ่มในน้ำซุปเองเวลารับประทาน) ครับ

ข้าซูชิ+ซีอิ้วปลาย่าง

ข้าวซูชิ
เครื่องปรุง ข้าวเจ้า 6 ถ้วย ข้าวเหนียว 2 ถ้วย น้ำซูชิ 1/2ถ้วย น้ำ 10 ถ้วย ซาวข้าวเจ้า ข้าวเหนียว เทใส่หม้อ ใส่น้ำซูชิ น้ำ ตามสัดส่วน หุงประมาณ 20 นาทีจนสุกนุ่ม
เครื่องปรุง น้ำซูชิ
น้ำส้มสายชู 4 ถ้วย น้ำตาลทราย 4 ถ้วย เกลือป่น 1 1/2 ช้อนโต๊ะคอมบุล้างสะอาด แช่น้ำจนนิ่ม 10 กรัม ใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย ใส่คอมบุเคี่ยวต่ออีก 2-3 นาที ยกลง กรองเอาแต่น้ำใสๆ พอเย็นเก็บใส่ขวด ปิดฝา แช่ไว้ในตู้เย็นจะเก็บไว้ได้หลายวัน

น้ำจิ้มปลาย่างญี่ปุ่น
เครื่องปรุง
ขิงแก่ทั้งเปลือกย่าง หั่นบางๆ 200 กรัม หอมใหญ่หั่นแว่น 400 กรัม แครอททั้งเปลือกย่าง หั่นบางๆ 200 กรัม กระดูกปลาย่างสุก 200 กรัม ปลาแห้ง 20 กรัม น้ำตาลทราย 3 1/2ถ้วย ซีอิ้ว ญี่ปุ่น 1 1/2ถ้วย เหล้าสาเก 1 1/4ถ้วย
วิธีทำ
1. ใส่เหล้าสาเกลงในหม้อ ตั้งไฟให้ไฟลุกจนดับ แสดงว่าหมดกลิ่นแอลกอฮอล์
2. ผสมเครื่องปรุงทุกอย่างเข้าด้วยกันลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง ใส่กระดูกปลาเคี่ยวไฟอ่อนจนข้นจึงใส่ปลาแห้ง เคี่ยวต่ออีก 5นาที ให้มีกลิ่นหอม ยกลงแล้วกรอง เก็บใส่ขวด ปิดฝา

ราเมน Story

ในญี่ปุ่น บะหมี่แบบดั้งเดิมมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ อูด้ง และ โซบะ โดยอูด้งจะแพร่หลายในภาคตะวันตกของประเทศ ส่วนโซบะจะแพร่หลายในภาคตะวันออก เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีผู้นำเอาบะหมี่ยี่ห้อหนึ่งของจีนซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า “ราเมน” มาปรุงในรูปแบบของชาวญี่ปุ่น และกลายเป็นอาหารยอดนิยมของญี่ปุ่นในปัจจุบัน อูด้งทำมาจากแป้งสาลี ส่วนโซบะทำมาจากเมล็ดพืชซึ่งเป็นพืชที่ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว ด้วยส่วนผสมของน้ำซุป และส่วนผสมที่ใช้โรยหน้าหลากหลายชนิดทำให้บะหมี่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งหลายท่านอาจจะทราบแล้วว่าบะหมี่สามชนิด ทั้งราเมน อูด้ง และโซบะ มีวางจำหน่ายในรูปแบบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่อูด้งกับโซบะสามารถเสิร์ฟได้ในน้ำซุปทั้งร้อนและเย็น ไม่เหมือนกับราเมนซึ่งจะเสิร์ฟในน้ำซุปร้อน ๆ เท่านั้นที่สถานีรถไฟหลาย ๆ แห่ง คุณสามารถหาบะหมี่รับประทานในร้านอาหารธรรมดาๆ โดยส่วนมากร้านอาหารเหล่านี้จะไม่มีที่นั่ง คุณจะต้องรับประทานอย่างรวดเร็วเพราะมีคนที่รอคิวอยู่อีกมาก แต่ถึงกระนั้นก็ตามการรับประทานบะหมี่ในมื้อเร่งด่วนแบบนี้ จะได้รสชาติดีกว่าเวลาที่คุณนั่งรับประทานทานที่ร้านโดยมีเวลาเหลือเฟือเสียอีก ในช่วงแรกๆ บะหมี่แต่ละชามจะดูเหมือน ๆ กันและรสชาติก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร อย่างไรก็ตามถ้าคุณเริ่มคุ้นเคยกับการรับประทานบะหมี่ คุณจะเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่าง และการทดลองรับประทานบะหมี่หลากหลายรูปแบบก็กลายเป็นเรื่องสนุก คุณสามารถที่จะทำเสียงดังขณะรับประทานบะหมี่ในญี่ปุ่นได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วมันดูเหมือนว่าเป็นธรรมเนียมที่คุณจะต้องทำด้วย ถ้าคุณเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หรือ กำลังจะไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น และกลัวว่าคุณจะได้รับประทานแต่ปลาและข้าว ขอให้คุณคิดดูใหม่อีกครั้ง Jบะหมี่ญี่ปุ่นสามารถเสิร์ฟได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีการปรุงบะหมี่แต่ละแบบก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลเหมือนกับอาหารญี่ปุ่นจานอื่นๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้รับประทานราเมนในน้ำซุปร้อนๆ ที่ทำเองที่บ้านซักชามในวันที่หนาวเหน็บและไร้ชีวิตชีวา และในทางกลับกันการได้รับประทานโซบะเย็นกับน้ำซุปในวันที่อากาศร้อนเหนียวเหนอะหนะ ก็ทำให้คุณรู้สึกเย็นขึ้นมาได้
บะหมี่ญี่ปุ่นมีหลากหลายชนิด ได้แก่ ราเมน ("Ra-mane")
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแบบกึ่งสำเร็จรูป แต่เป็นราเมนสดที่ทำเองที่บ้าน โดยรับประทานกับน้ำซุปรสเลิศ ถั่วงอกสดกรอบ หมูและลูกชิ้นปลาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ
อูด้ง ("Oo-doan")
เป็นบะหมี่เส้นกลมหนานุ่มซึ่งทำมากจากแป้งสาลี และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปเหมือนกับราเมน “นาเมโกะ อูด้ง” ซึ่งเป็นน้ำซุปอูด้งที่ทำมาจากเห็ดที่อ่อนนุ่มหลายชนิดจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
โซบะ ("Soe-bah")
โซบะทำจากแป้งบัควีท โดยเส้นโซบะจะบางและแข็งกว่าเส้นอูด้ง มักจะเสิร์ฟในน้ำซุปเหมือนกับราเมนและอูด้ง แต่จะอร่อยที่สุดถ้าเสิร์ฟเป็นโซบะเย็นในช่วงหน้าร้อน โซบะเย็นจะเสิร์ฟพร้อมกับซ้อสถั่วเหลือง ซึ่งเป็นซ้อสตัวหลัก
โซเมน ("Soe-mane")
โซเมนเป็นเส้นบางๆ คล้ายเส้นหมี่อิตาลี มักจะเสิร์ฟเฉพาะในหน้าร้อนในซ้อสสูตรพิเศษสำหรับโซเมนโดยเฉพาะ เหมือนกับซอสสำหรับโซบะ

โภชนาการสูงจากอาหารญี่ปุ่น

สำหรับอาหารญี่ปุ่นที่เด่นๆ คือ ปลาและอาหารทะเล ซึ่งเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดีกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เพราะมีกรดไขมันจำเป็นคือโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังมีวิตามินและเกลือแร่มากมาย อีกทั้งในอาหารญี่ปุ่นยังมักใช้สาหร่ายเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารหลายๆ ชนิด เช่น ข้าวห่อสาหร่าย ราเมน สาหร่ายมีคุณค่าทางโภชนาการมาก มีทั้งโปรตีน ไอโอดีน และใยอาหารสูง จึงช่วยเรื่องการย่อยและระบบขับถ่าย ในขณะที่มีไขมันต่ำ ปัจจุบันจึงมีการสกัดสาหร่ายมาทำเป็นวุ้นหรืออาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
ส่วนถั่วเหลืองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะนำมาทำซุปเต้าเจี้ยว เต้าหู้ หรือถั่วเหลืองหมักที่เรียกว่า นัตโตะ ล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น ในเต้าหู้มีสารสำคัญหรือไฟโตรเอสโตรเจน ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยพบว่า สารนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
แต่ถึงที่สุดแล้ว อย่าลืมคิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากอาหารว่ามีเพียงพอเพื่อสุขภาพเป็นหลักหรือไม่ แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือ ความรู้เท่าทันและไม่ประมาท เพราะโทษภัยต่างๆ จากการกินนั้นอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เรามาดูพร้อมๆ กันค่ะ
ภัยมืดที่มาจากอาหารจานโปรดของคุณ
ภัยแฝงจากเนื้อย่างเกาหลี นอกจากเนื้อสัตว์จะย่อยยาก ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราต้องทำงานหนักแล้ว การกินเนื้อสัตว์ที่ไหม้เกรียมย่อมเสี่ยงต่อการได้รับสาร PhIP ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะนิสัยการกินเนื้อย่างไหม้เกรียมเพียงอย่างเดียวในปริมาณมากๆ ยิ่งมีโอกาสได้รับสารพิษชนิดนี้มากตามไปด้วย
อาหารดิบก่อโรค สำหรับอาหารญี่ปุ่นที่แม้ได้ชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วก็ตาม ก็ยังมีข้อควรระวังเช่นเดียวกัน เพราะอาหารทะเลดิบ อย่างปลาหรือหอยที่นิยมรับประทานอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ เช่น แบคทีเรียวิบริโอ (vibrio bacteria) หรือไวรัสนอร์วอล์ค (Norwalk virus) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน และอาจมีไข้หรือปวดศีรษะร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจปรากฏพิษรุนแรงกว่านั้นได้ ถ้ามีการปนเปื้อนโลหะหนัก
วิธีกินอาหารเกาหลี-ญี่ปุ่นให้สุขภาพดี
สังเกตเรื่องความสะอาด ตั้งแต่การเตรียมอาหาร ผู้ปรุงอาหาร ตลอดจนวัตถุดิบที่ใช้ ต้องสด ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเล เช่น ปลาดิบต้องเก็บอยู่ในตู้แช่เย็น และหลีกเลี่ยงการซื้อซูชิที่เตรียมไว้นานแล้ว เพราะอากาศร้อนแบบไทยๆ ทำให้จุลินทรีย์เติบโตได้ดี ก่อโรคต่างๆ แถมยังมีแมลงวันที่ไต่ตอมอาหารอีก ถ้าซื้อควรเลือกร้านสะอาดและสั่งทำใหม่ได้
เน้นอาหารที่ปรุงสุก ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการรับเชื้อโรค และไม่รับประทานอาหารดิบ เช่น กุ้งสุก ปลาไหลย่าง เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงการกินเนื้อปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม สำหรับอาหารเกาหลี
การรับประทานอาหารเกาหลีและญี่ปุ่นให้ได้สุขภาพดี ควรคำนึงถึงการบริโภคอย่างพอเหมาะเพื่อสุขภาพเป็นหลักตามตำรับหรือวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่ก็อย่าหลงตามกระแสจนลืมของดีอย่างอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกที่รับประทานกับผักพื้นบ้านนานาชนิด รวมทั้งแกงเลียง แกงส้ม หรือต้มยำ และอีกมากมายที่มีทั้งเครื่องเทศและสมุนไพรไทยที่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาหารเกาหลีหรือญี่ปุ่น

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2551

เต้าหู้ทรงเครื่อง TOFUAGE

ToFUAGE
เครื่องปรุง

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551

ข้าวห่อไข่ Omuraizu

เครื่องปรุงประกอบด้วย หอมซอย 30 กรัม,
เห็ดหอมสดสไลด์บางๆ 1 หัว,
เนื้อไก่หั่นเต๋าประมาณ 1.5 เซ็น 35 กรัม
วิธีทำ
นำเนย 10 กรัมลงผัดในกระทะตั้งไฟร้อน พอเนยละลายตามด้วยหอมซอย ตามด้วยเนื้อไก่และเห็ดหอมสด
ผัดเครื่องให้เข้ากันจนหอมซอยเริ่มสุก จึงใส่ซอสมะเขือเทศประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ และตามด้วยข้าวสวย 60 กรัม และไวน์ขาว 2/3 ช้อนโต๊ะ เหยาะเกลือและพริกไทยเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดไฟพักไว้
ตอกไข่ 3 ฟองลงในชาม ตีให้เข้ากัน เหยาะเกลือและพริกไทย นำกระทะเปล่าตั้งไฟพอร้อนใส่น้ำมันและเนย 10 กรัม
จนน้ำมันร้อนใช้ไฟพอปานกลาง เทไข่ที่ตีไว้แล้วลงในกระทะ กลิ้งกระทะให้ไข่กระจายเป็นแผ่น ใช้ตะเกียบหรือตะหลิวเกลี่ยให้ไข่หนาเท่าๆกัน
เมื่อไข่เริ่มสุกปานกลาง นำข้าวที่ผัดไว้แล้วมาเทใส่ลงในไข่ให้อยู่ขอบด้านใดด้านหนึ่ง แล้วผลิกขอบไข่อีกด้านมาปิด
หลังจากนั้นก็เริ่มม้วนไข่เพื่อห่อเครื่องให้อยู่ด้านใน โดยกระดกกระทะช่วยจะทำให้ห่อได้สวยงาม
ห่อได้เรียบร้อยเป็นอันเสร็ เทใส่จานโดยให้ด้านหลังแผ่นไข่ขึ้นโชว์ด้านบน จัดให้สวยงาม ราดซอสมะเขือเทศลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ

โรตีกล้วยไข่น้ำผึ้ง

แป้งโรตี 2 แผ่น
กล้วยไข่ 4 ผล
น้ำผึ้ง
สตรอว์เบอร์รีสด
วิปปิ้งครีม
ใบสะระแหน่
กระทะตั้งไฟ โรตีทอดเนยพอเหลืองทั้งสองข้าง
นำกล้วยไข่วางม้วนให้แน่น หั่นทะแยง
เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง

โรตีฟร๊ตสลัด

โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือผลไม้รวม 1 ถ้วย
ผลไม้สดตามชอบ
แป้งโรตี เมดิติวเรเซียน กริลกับกะทะเทฟล่อนด้วยเนยนิดๆ
พอได้ที่แล้วยกลง ทิ้งไว้
จัดใส่ภาชนะพร้อม โยเกิร์ต และผลไม้

ไก่อบซอสสามรส

เครื่องปรุง
เนื้อไก่สะโพก 3 ชิ้น
รากผักชีหั่น 2 ราก
กระเทียม 4-5 กลีบ
พริกชี้ฟ้าแดง 2-3 เม็ด
เกลือนิดหน่อย
ซอสโชยุ KIKKOMAN 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ชต.
ซีอิ้วดำ 2 ชช.
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
....

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2551

ยำสลัดปูอัด

ส่วนผสม
- ปูอัก 4-5 แท่ง ฉีกเป็นเส้นๆ
- แตงกวาญี่ปุ่น
- ผักกาดแก้ว
- พริกขี้หนูแดงหั่นเล็กๆ
- หอมแดงหั่นฝอย
- ตะไคร้หั่นฝอย
- ผักโต้เหมี่ยวสด+ใบสาระแหน่
- น้ำยำ+น้ำสลัด ผสมกันแล้วราด