อาหารกล่อง Arigato BENTO

อาหารกล่อง Arigato BENTO
อาหารกล่อง Bennto

Arigato BENTO Kabuki Set

Arigato BENTO Kabuki Set

อาหารกล่อง Arigato BENTO

อาหารกล่อง Arigato BENTO
Arigato BENTO Mini-box

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2550

ไก่คาราเกะ

เครื่องปรุง
1.เนื้อไก่ตรงโคนขาหรือสะโพก 4 ชิ้น
ส่วนผสมแป้ง
1.แป้งเทมปุระ 130 กรัม
2.ไข่ 3-4 ลูก
มะนาว, เกลือ, น้ำมัน
วิธีทำ
1.นำไก่มาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดกัด 2 คำหมด
2.ผสมแป้งลงกะละมัง พร้อมตีไข่แล้วผสม ให้เข้ากัน
3.นำไก่ลงคลุกแป้งที่ผสมไว้แล้ว
4.นำกระทะมาตั้งไฟ ใส่น้ำมันขนาดท่วมไก่ 3/4 รอจนน้ำมันเริ่มแผ่ไอร้อน ให้ค่อยๆใส่ไก่ ลงไปทอด (ระวังน้ำมันกระเด็น)
5.เมื่อทอดจนเหลืองเข้มแล้ว ก็ให้ตักวางบน ตระแกรงสะเด็ดน้ำมัน จากนั้นตักวางบนจาน ที่ตกแต่งด้วยมะนาวหรือผักชีฝรั่ง
อาหารที่มันๆ คนญี่ปุ่นมักจิ้มด้วยมัสตาด แต่หาก มีทานควบกับสลัด ก็สามารถแต่งเติมรสชาติด้วย มะนาวและจิ้มกับมายองเนสก็ย่อมได้

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2550

ซุปมิโซะ

ส่วนผสม
น้ำเปล่า 4 ถ้วย
มิโซะ 1/4 - 1/2 ถ้วย
เกล็ดปลาแห้ง 2 ถ้วย
สาเก 2-3 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้ขาวเนื้ออ่อนหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ก้อน
สาหร่ายทะเลแช่น้ำ 1/2 ถ้วย
เห็ดเข็มทอง 1 ถ้วย
ต้นหอมซอย 2 ต้น
วิธีทำ
ตักมิโซะใส่ชามเล็ก ละลายกับน้ำแล้วเทลงในหม้อ ใส่สาเก นำไปตั้งไฟจนเดือด หรี่ไฟลงแล้วใส่เกล็ดปลาแป้งลงไป ดับไฟทันที ตั้งทิ้งไว้สักพัก กรองน้ำมาทำซุป โดยตั้งไฟใฟ้ร้อน ใส่เต้าหู้ สาหร่าย เห็ดเข็มทอง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยละเอียด ต้องรับประทานร้อนๆจึงจะอร่อยหมายเหตุ
- ถ้าไม่มีเกล็ดปลาแห้งและสาเก ใส่เฉพาะมิโซะก็ได้ ใส่เต้าหู้ เห็ดในน้ำเดือดก่อน แล้วจึงใส่มิโซะทีหลัง และอย่าต้มนาน เพราะจะทำให้กลิ่นและรสชาติหายไป
- น้ำซุปนี้จะไปทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๊ยวญี่ปุ่นก็ได้วิธีทำตักมิโซะใส่ชามเล็ก ละลายกับน้ำแล้วเทลงในหม้อ ใส่สาเก นำไปตั้งไฟจนเดือด หรี่ไฟลงแล้วใส่เกล็ดปลาแป้งลงไป ดับไฟทันที ตั้งทิ้งไว้สักพัก กรองน้ำมาทำซุป โดยตั้งไฟใฟ้ร้อน ใส่เต้าหู้ สาหร่าย เห็ดเข็มทอง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยละเอียด ต้องรับประทานร้อนๆจึงจะอร่อย
- ถ้าไม่มีเกล็ดปลาแห้งและสาเก ใส่เฉพาะมิโซะก็ได้ ใส่เต้าหู้ เห็ดในน้ำเดือดก่อน แล้วจึงใส่มิโซะทีหลัง และอย่าต้มนาน เพราะจะทำให้กลิ่นและรสชาติหายไป
- น้ำซุปนี้จะไปทำเป็นน้ำซุปก๋วยเตี๊ยวญี่ปุ่นก็ได้

คาราเกะ

คาราเกะ
ของว่างสุดอร่อยเรียกน้ำย่อย
มันต้มบดละเอียด ผสมหมูสับผัดกับหอมใหญ่ ใส่ซอสผัด
ปั้นเป็นก้อนกลม
คลุกแป้ง+ไข่+น้ำ แล้วมาคลุกเกล็ดขนมปัง
ลงทอดไฟร้อนจัด 160-180 องศา
จิ้มคัสซึซอส ทานตอนร้อน อร่อย สุดยอด...

ข้าวห่อสาหร่ายทอดกรอบ

ข้าวห่อสาหร่ายทอดกรอบ
ส่วนประกอบ
- ข้าวหอมมะลิ 4 ถ้วยตวง
- ข้าวเหนียว 3/4 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 4 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- น้ำส้มสายชู 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
- สาหร่าย 3 แผ่น
- แผ่นเปาะเปี๊ยะ 6 แผ่น
- ปูอัด 6 แท่ง
- ซุกคินีหั่นแท่งยาว 6 แท่ง
- ชีสแผ่น 6 แผ่น
- น้ำมันพืช 3 ถ้วยตวง
- น้ำสลัด 1/2 ถ้วยตวง
- วาซาบิ 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักสลัดตามชอบ
วิธีทำ
1. ผสมข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวเข้าด้วยกัน ซาวน้ำ 1 ครั้ง รินน้ำออกให้หมด
2. ผสมข้าวกับน้ำเปล่า นำไปหุงจนสุก
3. ทำน้ำปรุงข้าวโดยผสมน้ำตาลทราย น้ำเปล่า น้ำส้มสายชู เกลือป่น เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟเคี่ยวพอเหนียวเล็กน้อย ยกลงพักไว้ให้เย็น
4. ตวงข้าวสุก 3 ถ้วยตวง ใส่ลงในภาชนะผึ่งข้าวพอให้อุ่น ตวงน้ำปรุงข้าวในข้อที่ 3 ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในข้าวให้ทั่ว คลุกข้าวกับน้ำปรุงให้เข้ากัน ปิดภาชนะพักไว้ให้ข้าวอิ่มน้ำ
5. วางแผ่นเปาะเปี๊ยะลงในภาชนะ วางแผ่นสาหร่ายซ้อนทับ เกลี่ยวข้าวให้กระจายออก หนาบางเท่าๆ กัน โดยให้เหลือพื้นที่ริมขอบประมาณ 1 นิ้ว
6. วางแผ่นชีส ปูอัด ซุกคินี ห่อแผ่นเปาะเปี๊ยะโดยการม้วนด้านบนลงมา พับริมทั้ง 2 ข้าง ม้วนทับจนหมดแท่ง ทาริมขอบแผ่นแป้งด้วยแป้งเปียก
ม้วนให้กลมแน่น
7. ตั้งน้ำมันให้ร้อน ไฟกลาง ใส่ข้าวห่อสาหร่ายทอดพอให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
8. จัดเสิร์ฟคู่กับน้ำสลัดผสมวาซาบิ และผักสลัดตามชอบ

กิมจิ

สูตรกิมจิ
เครื่องปรุง
- ผักกาดขาวปลี/ผักหางหงส์ หั่น หยาบ ๆ 1 ต้นใหญ่
- หัวไชเท้า 1 หัว
- แครอท 1 หัว
- เกลือหยาบ(เกลือทะเล) 6 ชต ใช้เกลือทะเลจะมีสีสวย
- น้ำตาลทราย 2 ชต
- พริกชี้ฟ้าแดง (ผ่าครึ่งเมล็ดออก )5 เม็ด (ถ้าชอบเผ็ดมากใช้พริกขี้หนูสีแดง 1 กำมือ )
- ซอสพริกอย่างเผ็ด 5 ชต.
- ขิงแก่สับ 1 ชต.
- กระเทียมสับ 5 กลีบใหญ่
- ต้นหอม หั่นเป็นท่อน ๆ 5 ต้น หรือมากกว่าตามชอบ
- น้ำสะอาด 500 ซี ซี
- มะนาว 1-2 ผล
วิธีทำ
1)นำผักกาดขาวล้างให้สะอาดผ่าครึ่งหั่นตามแนวยาว ใส่ตะกร้าผึ่งให้สะเด็ดน้ำขยำผักกาดเกลือป่น(ใช้เกลือป่นหมักผัก 3 ชต.)
ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างผักด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง แล้วบีบน้ำออก แล้วนำผักลงในชามหรือหม้อที่สะอาด
2)นำแครอท หัวไชเท้า ล้างให้สะอาดปอกเปลือกหั่นตามขวางลูกจนหมดแล้วหั่นเป็นเส้นอีกครั้ง หมดทั้งสองอย่าง เพื่อความสวยงาม
หั่นเป็นขวาง ๆ แล้วจักเป็นดอก ๆ
3) นำเครื่องปรุงไปปั่นให้ละเอียด รวมเกลือที่เหลือ 3 ชต. (6 ชต. ใช้หมักผักไป 3 ชต)
4) นำเครื่องปรุงทั้งหมดเทลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายคนให้ทั่ว นำผักกาด หัวไชเท้า แครอท และต้นหอม ลงคลุกเคล้า นำใส่ขวดโหลปิดฝาพักไว้ 24 ชม. หลังจากนั้นนำมาใส่จานรับประทานได้เลย เมื่อครบ 24 ชม แล้วลองชิมดูว่าอ่อนเปรี้ยว อ่อนเค็มไปหรือเปล่า ปรุงด้วยน้ำมะนาวและเกลือป่นสูตรนี้เก็บไว้ในตู้เย็นรับประทานได้ 1 เดือน

ประเภทอาหารญี่ปุ่น

ประเภทอาหารญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างมาก อาหารจะได้รับการตกแต่งอย่างปราณีต เน้นความสดและความสวยงาม ทำให้ผู้ที่ได้ชิมก็ได้รู้สึกว่าได้บริโภคความงามลงไปด้วย อิ่มตาและอิ่มท้องเลยละค่ะ ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแขวนโคมแดงอยู่หน้าร้าน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การกินดื่มของญี่ปุ่น อาหารที่นิยมทานกันในหมู่คนญี่ปุ่น ก็จะเป็นจำพวกปลา เช่น ปลาทอดตามแบบฉบับของญี่ปุ่น อาหารทะเล อาหารประเภทปิ้งหรือย่าง เช่น ยากิโตริ (yakitori-ไก่เสียบไม้ปิ้ง) ข้าวปั้นทอด ซาซิมิ (sashimi) และโซบะ ราเม็ง
บะหมี่ : คนญี่ปุ่นนิยมกินบะหมี่กันตลอดทั้งปี บะหมี่มี 3 ชนิดหลักๆด้วยกัน คือ โซบะ, อุด้ง และ โซเม็ง
โซบะ : ทำจากบักวีต เส้นจะมีสีน้ำตาลบาง ผู้คนนิยมทานโซบะกันมากที่สุด เพราะติดใจในแป้งบักวีต โดยเฉพาะรสชาติที่อร่อยของเส้นที่ไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก โดยทั่วไปโซบะจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิ (wasabi) หอมหัวใหญ่ฝาน น้ำจิ้มทำจากมิริน (mirin-สาเกหวาน) และคัตสึโอะบูชิ (เกล็ดปลาแห้ง) โซบะแบบนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนซารุหรือถาดไม้ไผ่ จะเรียกว่า ซารุโซบะ (zarusoba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในหน้าร้อน
โซเม็ง : เป็นบะหมี่นิยมทานในหน้าร้อนเช่นกัน เส้นของโซเม็งทำจากข้าวสาลี (sobako-ข้าวสาลี) ดังนั้นเส้นจึงมีสีขาวนวลและเส้นจะบางกว่าโซบะ เส้นโซเม็งจะนุ่มสามารถดัดแปลงทำอาหารได้หลายอย่าง โซเม็งสามารถเสิร์ฟแบบโงะโมะคุ (gomoku-ห้ารส) โดยโรยไข่เจียวซอยเส้น ไก่ และผักต่างๆ หรือเสิร์ฟแบบโงะมะดาเระ (gomadare) ที่มีมะเขือยาว ปลา และชิโสะ (shiso) เป็นเครื่องเคียง เสิร์ฟแบบเย็นก็มี เรียกว่า ฮิยะชิ-hiyashi ที่ใส่แต่ซอสถั่วเหลืองผสมน้ำมันงา โซเม็งเป็นอาหารเบาๆที่ช่วยทำให้สดชื่นในหน้าร้อน
อุด้ง : เป็นอาหารยอดนิยมในหน้าหนาว อุด้งทำจากข้าวสาลี และมีเส้นหนาถึงหนามาก โดยจะเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปซอสถั่วเหลืองร้อนๆ หอมหัวใหญ่ฝาน ผักชนิดต่างๆและไข่ อุด้งจะต่างจากโซบะและราเม็งเวลารับประทานตรงที่ ไม่ต้องจุ่มเส้นในน้ำซุปก่อนรับประทาน เส้นอุด้งจะมีขนาดเส้นที่ใหญ่และเหนียวนุ่ม จึงให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว
วิธีการกินบะหมี่ญี่ปุ่นให้อร่อย จะใช้ตะเกียบคีบและกลืนลงคอด้วยเสียงอันดังตามแบบญี่ปุ่น บางคนอาจจะเขินที่กินเสียงดัง ซู้ดซาด แต่ที่นี่ถือเป็นมารยาทที่ยอมรับกันทั่วไป ให้เกียรติแก่คนทำที่ทำบะหมี่อร่อยๆให้ทาน ผู้เชี่ยวชาญ(การกิน) กล่าวว่าเสียงยิ่งดัง ยิ่งอร่อย นะจะบอกให้...
ซูชิและซาซิมิ : เป็นการผสมผสานของรสชาติและหน้าตาอาหาร อาหารทั้งสองชนิดเป็นอาหารทะเลดิบที่คนญี่ปุ่นโปรดปราน และตอนนี้ก็น่าจะเป็นอาหารยอดฮิตในเมืองไทยด้วย ซูชิที่ทีต้องใช้ส่วนผสมคุณภาพดี ข้าวก็ต้องผ่านการอบและออกรสเปรี้ยวพอดี ส่วนเครื่องโรยหน้าก็ต้องสด คนที่ชอบปลาดิบและอาหารทะเลสดๆ ทานคู่กับวาซาบิ อื้อฮือ..ขึ้นจมูกน้ำหูน้ำตาไหล แต่อาย่อย ถ้าไปที่ญี่ปุ่นแล้วยังไม่คุ้นกับเมนูไม่รู้จะทานอะไรดี ลองไปนั่งที่ไคเต็นซูชิยะ (kaitensushi-ya) ซึ่งเป็นร้านที่เป็นเคาน์เตอร์ มีจานซูชิหน้าต่างๆไหลไปตามสายพาน ชอบใจอันไหนก็หยิบมาได้เลย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย
นาเบโมโนะ : เป็นอาหารประเภทหม้ออุ่นร้อนๆ ญี่ปุ่นมีอาหารจานร้อน (นาเบะเรียวริ-nabe-ryori) ให้ลิ้มลองทุกพื้นที่ นาเบะโมโนะเป็นอาหารของฤดูหนาวที่ขึ้นชื่อ นอกจากนี้ยังมี อิชิคารินาเบะ ที่ใส่ปลาแซลมอน หัวหอม ผักกาดขาว เต้าหู้ คอนยะกุ(หัวบุก) และชุงงิกุ(ใบตั้งโอ๋), โฮโต (hoto) ที่ใส่อุด้ง ไดกง(หัวไชเท้า) นินจิน(แครอท) โกะโบ หัวหอม ผักกาดขาว และไก่ และชิรินาเบะ ที่ใส่เนื้อปลาปักเป้าขาว ผักกาดขาว เห็ด เต้าหู้และเส้นหมี่ขาวส่วนอาหารจานด่วนแบบโตเกียว คือ โอเด็งนาเบะ ซึ่งใส่มันฝรั่ง เต้าหู้ บุก ไข่ต้ม ปลาหมึก แครอท หัวไชเท้า สาหร่ายทะเล และอื่นๆตามสูตร โอเด็งเป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามร้านสะดวกซื้อ และให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว
สึเกโมโนะ : ก็คือผักดองแบบญี่ปุ่น(tsukemono) อาหารญี่ปุ่นทุกมื้อจะเสิร์ฟพร้อมสึเกโมโนะ ซึ่งเป็นเครื่องเคียงเสริมหน้าตาและรสชาติให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ผักดองยังช่วยล้างปาก ล้างคาวเพื่อลิ้มลองอาหารชนิดใหม่ เช่น ถ้าทานปลาดิบ แล้วตามด้วยผักดอง จะช่วยล้างความคาวออกจากปาก เพื่อหันไปลองเทมปุระกุ้ง ที่ชิมความหวานของกุ้งได้เต็มปากเต็มคำ ส่วนผสมของผักดองจะต่างไปตามฤดูกาลและมีความหลากหลาย ที่นิยมทานกันทั่วไป คือ ผักกาดขาว ไผ่ หัวผักกาด คิวริ(แตงกวาญี่ปุ่น) แฮกเบอร์รี่ หัวไชเท้า ขิง นะสุ(มะเขือยาวญี่ปุ่น) อูโดะ(หน่อไม้ฝรั่ง) และอื่นๆ
เบ็นโต : เนื่องจากความรีบเร่ง จึงเกิดอาหารจานด่วนที่จัดลงในกล่องสวยงาม อาหารกล่องอย่างเบ็นโตราคาไม่แพง ซื้อหาสะดวกได้ตามร้านสะดวกซื้อ เบ็นโตถึงแม้จะเป็นอาหารราคาประหยัดแต่ก็จัดเรียงอย่างสวยงาม ในกล่องที่มีช่องเล็กช่องน้อยเพื่อวางอาหารและเครื่องเคียง สังเกตว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย เบ็นโตก็เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น เพราะมีอาหารหลายอย่างบรรจุลงในกล่อง เรียกได้ว่าชิมอย่างละนิดละหน่อยแต่หลากหลาย

เนื้อย่างซีอิ้ว

เครื่องปรุง
เนื้อวัว เนื้อสันติดมัน หนาชิ้นละ 3 มม. 300 กรัม
ต้นหอมญี่ปุ่น (ต้นใหญ่) 1 ต้น
งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
พริกซอย เล็กน้อย
น้ำมัน
น้ำส้มสายชู (ญี่ปุ่น) 3 ช้อนโต๊ะ
โชยุ 3 ช้อนโต๊ะ
มิริน 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 3 ซม.
2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมด คนให้เข้ากัน
3. ตั้งกระทะแบนใส่น้ำมันเล้กน้อย นำเนื้อลงย่าง เทส่วนผสมของเครื่องปรุงลงไป กลับเนื้อให้สุกเกรียมเล็กน้อยทั้ง 2 ด้าน ระวังอย่าให้ไหม้
4. หั่นต้นหอม ใช้ส่วนก้าน เป็นท่อนลงบนกระทะพร้อมกับเนื้อให้พอเกรียมเล็กน้อย
5. จัดเนื้อและต้นหอมลงจาน ราดน้ำซอสที่เหลือในกระทะลงไป โรยงาขาวและพริกซอย

Menchi Katsu

วันนี้ขอแนะนำ Menchi Katsu เป็นเมนูที่ใช้เนื้อหรือหมูสับละเอียดเป็นส่วนผสมหลัก ทอดในน้ำมันร้อนๆ อาจจะออกแนวตะวันตกนิดๆแต่ประยุกต์จนเป็นอาหารญี่ปุ่นแสนแซปนะจ๊ะ
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมต่อไปนี้ใส่ลงในชาม มีหัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ, ไข่ไก่ 1 ฟอง, ขนมปังกรอบป่นละเอียด 60 g.,เกลือ 1 ช้อนชา, นมหรือไวน์แดง 1 ช้อนโต๊ะ และเหยาะผงกระเทียม,พริกไทยป่นตามชอบ จากนั้นคลุกเคล้าด้วยมือให้เข้ากัน
2. นำเนื้อหรือเนื้อหมูสับละเอียดใส่ลงในชามที่ผสมเครื่องไว้แล้วประมาณ 5 ขีด คลุกเคล้านวดด้วยมือจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. เมื่อนวดจนเหนียวจับตัวกันดีแล้ว ให้กวนเป็นก้อนแล้วปาในชามอีกประมาณ 10 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เนื้อเหนียวนุ่มยิ่งขึ้น
4. จากนั้นนำเนื้อที่ได้มาปั้นเป็นก้อนวงรี จะได้ประมาณ 5-6 ก้อน
5. นำก้อนเนื้อที่ปั้นไว้ไปคลุกแป้ง, ชุบไข่ และโรยด้วยขนมปังป่นกรอบอีกที ขณะนี้เนื้อก็พร้อมที่จะรอทอดแล้วค่ะ
6. เทน้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อนจัดนิดนึง160-180 องศา C แล้วเริ่มใส่ก้อนเนื้อที่เตรียมไว้ ทอดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วค่อยกลับนะคะ เนื้อจะได้ไม่เละติดกระทะ แล้วผลิกไปมาจนเหลืองกรอบได้ที่ เท่านี้ก็จะได้เมนูเด็ดสำหรับมื้อนี้แล้วค่ะ...เอื๊อกๆๆ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

ยำปูอัด Kani Sunomono

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
ปูอัดยีเป็นเส้น 2 แท่ง
แตงกวาญี่ปุ่น 2 ลูก
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกป่นญี่ปุ่น 1/2 ช้อนชา
งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
สาหร่ายหั่นเส้นเล็กน้อย
น้ำยำซุโนโมโน
ซีอิ้วญี่ปุ่น 1/4 ถ้วย
น้ำส้มสายชู 1/8 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/8 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ขิงแก่ขูดละเอียด 1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ผสมน้ำยาให้เข้ากัน
วิธีทำ
1. ล้างแตงร้าน ปอกเปลือก ฝานเอาแต่เนื้อ หั่นเป็นแผ่นบาง เคล้ากับเกลือ แล้วล้างออก พักให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าแตงร้านและน้ำยำเข้าด้วยกัน และพริกป่น จัดใส่จาน วางปูอัด โรยงาขาว และสาหร่ายแล้วก็รับประทานได้ครับ :p

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

โภชนาการสูงจากอาหารญี่ปุ่น


โภชนาการสูงจากอาหารญี่ปุ่น
สำหรับอาหารญี่ปุ่นที่เด่นๆ คือ ปลาและอาหารทะเล ซึ่งเป็นแหล่งของโปรตีนที่ดีกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เพราะมีกรดไขมันจำเป็นคือโอเมก้า-3
ซึ่งช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งยังมีวิตามินและเกลือแร่มากมาย อีกทั้งในอาหารญี่ปุ่นยังมักใช้สาหร่ายเป็นส่วนประกอบหลัก
ในอาหารหลายๆ ชนิด เช่น ข้าวห่อสาหร่าย ราเมน สาหร่ายมีคุณค่าทางโภชนาการมาก มีทั้งโปรตีน ไอโอดีน และใยอาหารสูง
จึงช่วยเรื่องการย่อยและระบบขับถ่าย ในขณะที่มีไขมันต่ำ ปัจจุบันจึงมีการสกัดสาหร่ายมาทำเป็นวุ้นหรืออาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย
ส่วนถั่วเหลืองก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะนำมาทำซุปเต้าเจี้ยว เต้าหู้ หรือถั่วเหลืองหมักที่เรียกว่า นัตโตะ
ล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น ในเต้าหู้มีสารสำคัญหรือไฟโตรเอสโตรเจน ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยพบว่า
สารนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมแต่ถึงที่สุดแล้ว อย่าลืมคิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากอาหารว่ามีเพียงพอ
เพื่อสุขภาพเป็นหลักหรือไม่ แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือ ความรู้เท่าทันและไม่ประมาท เพราะโทษภัยต่างๆ จากการกินนั้นอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เรามาดูพร้อมๆ กันค่ะ
ภัยมืดที่มาจากอาหารจานโปรดของคุณ
ภัยแฝงจากเนื้อย่างเกาหลี นอกจากเนื้อสัตว์จะย่อยยาก ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราต้องทำงานหนักแล้ว
การกินเนื้อสัตว์ที่ไหม้เกรียมย่อมเสี่ยงต่อการได้รับสาร PhIP ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้
โดยเฉพาะนิสัยการกินเนื้อย่างไหม้เกรียมเพียงอย่างเดียวในปริมาณมากๆ ยิ่งมีโอกาสได้รับสารพิษชนิดนี้มากตามไปด้วย
วิธีกินอาหารเกาหลี-ญี่ปุ่นให้สุขภาพดี
สังเกตเรื่องความสะอาด ตั้งแต่การเตรียมอาหาร ผู้ปรุงอาหาร ตลอดจนวัตถุดิบที่ใช้ ต้องสด ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารทะเล เช่น ปลาดิบต้องเก็บอยู่ในตู้แช่เย็น และหลีกเลี่ยงการซื้อซูชิที่เตรียมไว้นานแล้ว เพราะอากาศร้อนแบบไทยๆ ทำให้จุลินทรีย์เติบโตได้ดี ก่อโรคต่างๆ แถมยังมีแมลงวันที่ไต่ตอมอาหารอีก ถ้าซื้อควรเลือกร้านสะอาดและสั่งทำใหม่ได้
เน้นอาหารที่ปรุงสุก ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการรับเชื้อโรค
การรับประทานอาหารเกาหลีและญี่ปุ่นให้ได้สุขภาพดี ควรคำนึงถึงการบริโภคอย่างพอเหมาะเพื่อสุขภาพเป็นหลักตามตำรับหรือวัฒนธรรมดั้งเดิม

ปลาดิบรวมมิตร [Sashimi moriawase]


ปลาดิบรวมมิตร [Sashimi moriawase]
ส่วนผสม
เนื้อปลาโอหั่นชิ้นขนาดพอคำ 5 ชิ้น ปลากะพงแดง น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม 1 ตัว
ปลาหมึกกระดอง 1 ตัว ปลาซาบะดองหั่นชิ้นพอคำ 5 ชิ้น
แครอท ½ หัว หัวไชเท้า ½ หัว
แตงร้าน 1 ลูก ขิงดอง 2 ช้อนโต๊ะ
วาซาบิ 2 ช้อนชา น้ำจิ้มปลาดิบ
วิธีทำ
1. ล้างปลากะพงผ่าท้อง ควักไส้ออก แล่เอาแต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ
2. ล้างปลาหมึก เอาส่วนที่รับประทานไม่ได้ออก ผ่าตามยาวลำตัว หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ
3. จัดเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก ปลาซาบะดองใส่จาน แช่เย็นไว้พร้อมกับหัวปลาและก้างปลา
4. ล้างแตงหั่นท่อนยาว 2 นิ้ว หั่นเนื้อแตงร้านเป็นแผ่นบาง ซอยเป็นเส้น
5. ผสมหัวแครอท หัวไชเท้า แตงร้านเข้าด้วยกัน แช่เย็นไว้
6. วิธีเสิร์ฟ จัดหัวปลาและก้างปลาใส่จาน นำผักออกจากตู้เย็นวางบนตัวปลา เรียงปลาหมึก ปลาดิบ ปลาซาบะดองบนผัก เสิร์ฟกับวาซาบิ ขิงดองและน้ำจิ้มปลาดิบ

ปลาซาบะดอง [Shime saba ]

ปลาซาบะดอง [Shime saba ]
เครื่องปรุง

ปลาซาบะ น้ำหนัก 1 กิโลกรัม 1 ตัว
แครอท ½ หัว
หัวไชเท้า ½ หัว
แตงร้าน 1 ลูก
เกลือป่น ¼ ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
วาซาบิ 2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 2 ถ้วย
เหล้าสาเก ½ ถ้วย
น้ำจิ้มปลาดิบ

วิธีทำ
1. ล้างปลาซาบะ ตัดหัวปลา ล้างให้สะอาด ควักไส้ออก ล้างอีกครั้งให้สะอาดซับน้ำให้แห้ง แล่เอาแต่เนื้อ
2. ผสมเกลือ น้ำส้มสายชู น้ำตาล คนให้ละลาย ใส่เหล้าสาเก คนให้เข้ากันนำเนื้อปลาลงไปแช่ ดองไว้ 1 คืน
3. ล้างแตงร้าน หั่นท่อนยาว 2 นิ้ว หั่นเนื้อแตงร้านเป็นแผ่นบาง ซอยเป็นเส้น
4. ล้างหัวไชเท้า แครอทปอกเปลือก หั่นท่อนยาว 2 นิ้ว หั่นเป็นแผ่นบาง ซอยเป็นเส้น
5. ผสมแครอท หัวไชเท้า แตงร้านเข้าด้วยกัน แช่เย็นไว้ หั่นเนื้อปลาซาบะดองเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน แช่เย็นไว้
6. วิธีเสิร์ฟ ใส่ผักตรงกลางจาน จัดเรียงปลาซาบะดองให้สวยงาม ตกแต่งด้วยมะนาวหั่นแว่น ดอกแครอท เลมอนหั่นชิ้นใบไม้ รับประทานกับวาซาบิ และน้ำจิ้มปลาดิบ

ซาซิมิ และซูชิ


ปลาดิบ [sashimi]
ส่วนผสม
เนื้อปลาโอหั่นชิ้น 4 ชิ้น
เนื้อปลากระพงแดงหั่นชิ้น 4 ชิ้น
ปลาหมึกกระดองหั่นชิ้น 3 ชิ้น
ปลาซาบะดองหั่นชิ้นหนา ½ นิ้ว 4 ชิ้น
แครอท ½ หัว
หัวไชเท้า ½ หัว
แตงร้าน 1 ลูก
วาซาบิ 2 ช้อนชา
น้ำจิ้มปลาดิบ
วิธีทำ
1. ล้างแตงร้าน หั่นท่อนยาว 2 นิ้ว ฝานเอาแต่เนื้อแตงร้านเป็นแผ่นบาง ซอยเป็นเส้น
2. ล้างหัวไชเท้า แครอท ปอกเปลือก หั่นท่อนยาว 2 นิ้ว หั่นเป็นแผ่นบางซอยเป็นเส้น
3. จัดเนื้อปลาดิบ ปลาซาบะดอง ปลาหมึก ใส่จาน แช่เย็นไว้
4. ผสมแครอท หัวไชเท้า แตงร้านเข้าด้วยกัน แช่เย็นไว้
5. เวลารับประทาน จัดเรียงเนื้อปลา ปลาหมึก ใส่จานให้สวยงาม ใส่ผัก และตกแต่งด้วยใบชิโซ
ดอกแครอท รับประทานกับวาซาบิและน้ำจิ้มปลาดิบ

การหุงข้าว และ ข้าวซูชิ


การหุงข้าว
- ข้าวเม็ดสั้น 5 ถ้วย (1.1 กก.)
- น้ำสะอาด 5 ถ้วย (1.25 ลิตร)
- เหล้าสาเก 1/2 ถ้วย (125 มล.) หรือตามใจชอบ ขั้นตอนแรกของการทำซูชิก็คือ การเตรียมข้าว ควรอย่างยิ่งที่จะใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าส่วนวิธีต่อไปนี้เป็นรูปแบบการหุงข้าวของชาวญี่ปุ่น โดยมีการผสมน้ำส้มสายชู (แบบหวานของญี่ปุ่น)ลงไปด้วย
การหุงข้าวแบบซูชิ
1. นำข้าวสารใส่ลงไปในชามอ่าง แล้วเทน้ำสะอาดใส่จนเกือบเต็มชาม ซาวข้าวด้วยมือเพื่อเอาเศษสิ่งสกปรกออก
2. เทน้ำออกโดยใช้มือกันเม็ดข้าวไว้และทำเช่นเดียวกันนี้อีก 2 ครั้ง จนครั้งที่สามจะเห็นน้ำล้างใสสะอาด
(อย่าซาวข้าวมากไปจะทำให้สารอาหารออกมากับน้ำ และทำให้ข้าวหัก)
3. เทข้าวลงในภาชนะกรอง

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

เริ่มต้น แล้วค่อยเรียนรู้ไป อย่าแห่ตามกันไปโดยไม่ไตร่ตรอง

เริ่มต้น แล้วค่อยเรียนรู้ไป อย่าแห่ตามกันไปโดยไม่ไตร่ตรอง
คนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือกำลังคิดว่าจะเป็นเจ้าของกิจการใดสักกิจการหนึ่ง คงอยากจะเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ ที่จะมีผลตอบแทนมากๆ มีกำไรมากๆ กันทั้งนั้น ที่คิดเช่นนั้นได้ตัดสินใจดำเนินการไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถก้าวเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ คือ ความสำเร็จ หรือความยิ่งใหญ่นั้นได้ตัวอย่างความสำเร็จที่หากได้วิเคราะห์ให้ลึกลงไป หรือถ้าได้ศึกษาให้ดีจะพบว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกิจการที่ใหญ่ในวันนี้ เป็นความสำเร็จของกิจการเล็กๆ ในอดีตที่ค่อยๆ เจริญเติบโตก้าวหน้ามาตามลำดับเรียกว่าเป็นกิจการเล็กๆ มาก่อน จึงค่อยๆ กลายมาเป็นกิจการใหญ่
ในวันนี้เรามีตัวอย่างของความล้มเหลวของกิจการให้ได้เรียนรู้ ให้ได้ศึกษาว่า ทำไมถึงได้ล้มเหลวหรือไม่ประสบความสำเร็จเลย หรือแม้แต่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรหรืออย่างที่หวังเราอาจพบว่า กิจการเหล่านั้นเริ่มต้นมาด้วยความยิ่งใหญ่ ก็เป็นได้ ใหญ่มากก็ล้มดังมาก ดังที่เราเคยพบเห็นแลรับรู้กันอยู่ยิ่งตั้งเป้า และวาดหวังถึงความใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งต้องใช้เงินทุน ต้องใช้ทรัพยากรมาเป็นทุนมากขึ้นเท่านั้นอย่างไรก็ตาม หากได้เริ่มต้นด้วยกิจการที่ไม่ใหญ่โตมากนัก หรือด้วยการเป็นกิจการเล็กๆ ก่อน โดยดำเนินการไปตามกำลังเงินทุนที่มี ตามความถนัดที่มี ตามกำลังคนที่มีหรือที่พอจัดหาได้โดยไม่สร้างภาระจนเกินไปนัก เราจะพบว่ากิจการจะค่อยๆ ดำเนินไปได้และจะค่อยๆ ขยายกิจการออกไปตามกำลังเงินทุน ตามกำลังคน และประสบการณ์อันเป็นความรอบรู้ที่มีที่เพิ่มขึ้น
นอกจากความรู้ นอกจากความชอบ นอกจากความถนัด และกำลังเงิน รวมทั้งกำลังคนที่มีแล้ว การที่เริ่มต้นด้วยกิจการเล็กๆ ก่อนจะได้สั่งสมประสบการณ์ในการสร้างสรรค์งานนั้นๆ ไปด้วยในตัวประสบการณ์ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ทางด้านดีก็จะสามารถสั่งสมเพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่อๆ ไป ประสบการณ์ในทางที่ไม่ดีย่อมจะต้องสั่งสมเอาไว้เพื่อใช้เป็นบทเรียนเช่นเดียวกัน ว่าในโอกาสต่อๆ ไป
เรา อย่าปล่อยให้กระแสมาชักนำจนขาดเหตุผล จนขาดการศึกษาหาข้อมูลที่เพียงพอ หรือกล่าวง่ายๆ ว่าอย่าแห่ตามกันไปโดยไม่ได้คิดไม่ได้ศึกษาให้ดีเสียก่อนเช่นเคย ใน

ทำที่ถนัด ทำที่ชอบ ทำในสิ่งที่พร้อม และทำตามกำลัง

ทำที่ถนัด ทำที่ชอบ ทำในสิ่งที่พร้อม และทำตามกำลัง

ทำในสิ่งที่เราถนัดมากที่สุด ด้วยว่าคนเราแต่ละคนนั้นมีความรู้ มีความสามารถ มีความถนัดไม่เหมือนกัน ความหลากหลายในความรู้ความสามารถและในความถนัดนี้เอง ที่ทำให้เกิดอาชีพที่หลากหลายแตกต่างกัน บางคนถนัดด้านการปรุงอาหาร บางคนถนัดและมีความสามารถด้านงานช่างเพราะสนใจและศึกษา ปฏิบัติมาแต่เป็นเด็ก บ้างมีความสามารถด้านการเล่นเกม บ้างมีความสามารถอย่างยิ่งในการคำนวณ ด้านการขาย
เพื่อนำสิ่งนั้นออกมาใช้งานสิ่งถัดมาที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบคือ ความชอบ อันที่จริง ความถนัดในเบื้องต้น กับความชอบอาจจะมาด้วยกัน เป็นไปพร้อมๆ กัน นั่นคือเมื่อมีความชอบก็จะมีความถนัด เมื่อมีความถนัดก็จะชอบทำในสิ่งที่ตนถนัด ทำให้สามารถดำเนินการด้านนั้นๆ ได้ดี ท่านลองสังเกตดูจะพบว่า ผู้ที่มีความชื่นชอบในเรื่องใดก็มักจะมีความสามารถ สามารถใช้ความชอบนั้นฝึกฝนเรียนรู้จนกระทั่งมีความสามารถ มีความถนัดขึ้นมาได้ เช่นเดียวกัน ตนมีความชื่นชอบในกิจกรรมใดถัดจากความชอบและความถนัด น่าจะได้แก่ความพร้อมในเรื่องนั้นๆ หรือพร้อมในการดำเนินกิจการนั้นๆ ในความเป็นอยู่ของแต่ละคนมีความพร้อมแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทางด้านกำลังคนที่อาจจะต้องใช้ในกิจการที่สนใจ และถนัดที่อยากจะดำเนินการ ความพร้อมทางด้านแหล่งทำเล หรือสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และอื่นๆ ที่จะทำให้สามารถดำเนินกิจการนั้นๆ ได้สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งตนเองจะต้องรับรู้อยู่แก่ใจ คือกำลังของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังทุนที่จะต้องมี สิ่งนี้น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ขนาดของกิจการจะเล็กหรือจะใหญ่ และจะดำเนินไปในลักษณะใด จะมีความสามารถในการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นไร และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจะแก้ไขได้ด้วยวิธีใด เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินต่อไปได้ หรือให้สามารถฟื้นตัวได้ความถนัด ความชอบ ความพร้อม และกำลังของแต่ละคนแตกต่างกัน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่รับรู้อย่างดียิ่งโดยตัวของตัวเอง ส่วนข้อความคิดเห็นจากบุคคลอื่นๆ ความรู้จากบุคคลอื่นๆ รวมทั้งตัวอย่างจากบุคคลอื่นๆ นั้นย่อมมีประโยชน์ต่อการดำเนินการด้วยเช่นกัน หากแต่อาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนเสริมเข้ามาเพื่อให้เกิดเป็นแรงจูงใจ หรือให้ความรู้ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความชอบ ความถนัดและความมั่นใจมากขึ้น...

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550

น้ำจิ้มปรุงรสสูตรต่างๆ


น้ำจิ้มปรุงรสสูตรต่างๆ
1.น้ำจิ้มปลาดิบ
ส่วนผสม

ซีอิ๊วญี่ปุ่น 2 ถ้วย ฮอนดาชิ ½ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมซีอิ๊วญี่ปุ่น ฮอนดาชิ น้ำตาลทราย ตั้งไฟพอเดือด ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นเก็บใส่ขวดแช่เย็น
2.น้ำจิ้มเทมปุระ
ส่วนผสม
น้ำซุปปลาแห้ง 2 ถ้วย ซีอิ๊วญี่ปุ่น ½ ถ้วย
เหล้าสาเก ½ ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ฮอนดาชิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
ใส่น้ำซุปปลาแห้งลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่ซีอิ๊วญี่ปุ่น เหล้าสาเก น้ำตาล ฮอนดาชิเคี่ยวไฟอ่อน 5 นาทีพอมีกลิ่นหอม ยกลง

3.น้ำจิ้มปลาย่างญี่ปุ่น
ส่วนผสม

ขิงแก่ทั้งเปลือกย่างหั่นบางๆ 200 กรัม
หอมใหญ่หั่นแว่น 400 กรัม
แครอททั้งเปลือกย่างหั่นบางๆ 200 กรัม
กระดูกปลาย่างสุก 200 กรัม
ปลาแห้ง 20 กรัม
น้ำตาลทราย 3 ½ ถ้วย
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ½ ถ้วย
เหล้าสาเก 1 ¼ ถ้วย
วิธีทำ
1.ใส่เหล้าสาเกลงในหม้อ ตั้งไฟ ให้ไฟลุกจนดับ แสดงว่าหมดกลิ่นแอลกอฮอล์
2. ผสมเครื่องปรุงทุกอย่างเข้าด้วยกันลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง ใส่กระดูกปลาเคี่ยวไฟอ่อนจนข้นจึงใส่ปลาแห้ง
เคี่ยวต่ออีก 5 นาทีให้มีกลิ่นหอม ยกลงแล้วกรอง เก็บใส่ขวดปิดฝา
4. น้ำจิ้มหอมสับ
ส่วนผสม

ต้นหอมสับละเอียด ¼ ถ้วย
กระเทียมสับละเอียด ¼ ถ้วย
น้ำมันงา ¼ ถ้วย
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ถ้วย
วิธีทำ
นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาผสมเข้าด้วยกัน ก็จะได้น้ำจิ้มหอมสับไว้เสิร์ฟกับสเต็กชนิดต่างๆ
5. น้ำสลัดใสญี่ปุ่น
ส่วนผสม

แครอทซอย 250 กรัม หอมใหญ่ซอย 500 กรัม
กระเทียมปอกเปลือกซอย 50 กรัม น้ำส้มสายชู 1 ¼ ถ้วย
น้ำตาลทราย 4 ถ้วย ซอสมะเขือเทศ ½ ถ้วย
เกลือป่น ½ ถ้วย พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ดผง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสลัด 5 ถ้วย
วิธีทำ
ใส่เครื่องปรุงทุกอย่างลงในโถปั่นปิดฝา ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด หรือปั่นพอแครอทเป็นชิ้นเล็กๆก็ใช้ได้
เทใส่ขวด ปิดฝา เก็บเข้าตู้เย็นในช่องธรรมดา
6. ซอสหมูทอดญี่ปุ่น
ส่วนผสม
ทงคะซึซอส 3 ถ้วย
ซอสมะเขือเทศ 5 ถ้วย
ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
มัสตาร์ดผง 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ใส่ซีอิ๊วญี่ปุ่น ทงคะซึซอส ซอสมะเขือเทศ น้ำตาล มัสตาร์ด พริกไทยลงในหม้อ ตั้งไฟกลาง คนตลอดเวลาจนเดือด
และซอสมีลักษณะข้น เนื้อเนียน ปิดไฟ พอเย็นจึงเก็บใส่ขวด ปิดฝา แช่ไว้ในตู้เย็น
7. น้ำซุโนะโมโน
ส่วนผสม
น้ำซุปปลาแห้ง ½ ถ้วย น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
น้ำมะนาว ½ ถ้วย ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ คอมบุ 1 ชิ้น
วิธีทำ
ใส่น้ำซุปปลาแห้งลงในหม้อ ตั้งไฟ ใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย ซีอิ๊วญี่ปุ่น คอมบุ ลดไฟอ่อนพอเดือด ใส่มะนาว
คนพอทั่ว ปิดไฟ (สำหรับใส่ยำปูอัด ½ ถ้วยต่อ 1 ที่)

8. น้ำจิ้มสเต็กข้น
ส่วนผสม
หอมใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ แครอทสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ต้มหั่นแว่น 1 ฟอง มายองเนส 1 ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา
วิธีทำ
ใส่หอมใหญ่ แครอท ไข่ต้ม เกลือ มายองเนสลงในโถปั่น ปิดฝา ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด (เสิร์ฟกับสเต็กชนิดต่างๆ)

9.ข้าวซูชิ
ส่วนผสม
ข้าวเจ้า 6 ถ้วย ข้าวเหนียว 2 ถ้วย
น้ำซูชิ ½ ถ้วย น้ำ 10 ถ้วย
วิธีทำ
ซาวข้าวเจ้า ข้าวเหนียว เทใส่หม้อ ใส่น้ำซูชิ น้ำตามสัดส่วน หุงประมาณ 20 นาทีจนสุกนุ่ม
ก็จะได้ข้าวซูชิ
เครื่องปรุงน้ำซูชิ
น้ำส้มสายชู 4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 4 ถ้วย
เกลือป่น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
คอมบุล้างสะอาดแช่น้ำจนนิ่ม 10 กรัม
วิธีทำ
ใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่คอมบุเคี่ยวต่ออีก 2-3 นาที ยกลง
กรองเอาแต่น้ำใสๆ พอเย็นเก็บใส่ขวด ปิดฝา แช่ไว้ในตู้เย็นจะเก็บไว้ได้หลายวัน

10. ไข่ม้วนญี่ปุ่น
ส่วนผสม
ไข่ไก่ 5 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ½ ช้อนชา
น้ำซุปปลาแห้ง ¼ ถ้วย
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
กระทะสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาวประมาณ 6 นิ้ว สำหรับทำไข่ม้วน
วิธีทำ
1. ตีไข่รวมกับน้ำซุปปลาแห้ง เกลือ น้ำตาล พอเข้ากัน
2. นำกระทะตั้งไฟกลางจนกระทะร้อนจัด ลดไฟอ่อน ใช้ทิชชู่ชุบน้ำมันเช็ดให้ทั่วกระทะ
3. ค่อยๆ เทไข่ที่ทำไว้ในข้อ 1 ใส่ลงในกระทะทอด แล้วค่อยๆม้วน เทสลับกับการม้วนจนไข่หมด ตั้งไฟสักครู่ จนไข่แห้ง ตักใส่จาน

11. แป้งเทมปุระ
ส่วนผสม

แป้งสาลี 2 ถ้วย
ไข่แดง 1 ฟอง
น้ำเย็น 2 ถ้วย
วิธีทำ ตีไข่แดงกับแป้งรวมกัน โดยค่อยๆใส่น้ำเย็นจนแป้งละลายเข้ากันดี

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2550

ส่วนประกอบอาหารญี่ปุ่น [Nihon ryoori]

อาหารญี่ปุ่น [Nihon ryoori]
การทำอาหารญี่ปุ่นจำเป็นจะต้องรู้จักเครื่องปรุงชนิดต่างๆ ทั้งผัก ผลไม้ เครื่องปรุงของแห้ง และวัสดุ อุปกรณ์
เครื่องปรุง
ข้าวญี่ปุ่น [Gome]ข้าวสารญี่ปุ่นจะมีเมล็ดสั้นกลม หรือเรียกอีกชื่อว่า [Short Grain]เมื่อหุงสุกแล้วจะมียางเหนียว มีความนุ่ม
เต้าหู้[Tofu]เป็นเครื่องปรุงที่ใช้กันมาก เต้าหู้ของญี่ปุ่นจึงมีหลากหลายชนิด เช่น เต้าหู้อ่อน[kinugoshi] เต้าหู้แข็ง[Momen]
เต้าหู้ทอด [Agodofu]ซึ่งมีทั้งชนิดแผ่นบาง [Age] และชนิดแผ่นหนา
สาหร่ายทะเล[Wakame Seaweed]มีหลายชนิดมาก เพราะนำมาใช้ทำอาหารแตกต่างกัน วาคาเมะ [Wakame] เป็นสาหร่าย
ชนิดหนึ่ง มี 2 ชนิด คือ ชนิดสดที่หมักกับเกลือและชนิดแห้งที่เป็นเส้นยาวสีดำ ต้องนำมาแช่น้ำให้นุ่มก่อนทำอาหารนิยมใส่เป็นลูกซุป
โนริ [Nori] คือสาหร่ายแห้ง มีทั้งชนิดแผ่นและชนิดผง ใช้โรยบนอาหารชนิดต่างๆ คอมบุ[Kombu] เป็นสาหร่ายแห้งแผ่นยาว มีฝ้าขาว
ก่อนนำมาประกอบอาหารต้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฝ้าและตัดริมที่แข็งออกแล้วแช่น้ำ ทำเป็นน้ำซุป [Dashi]
โซบะ[Soba]เส้นบะหมี่สีเหลือง ใช้สำหรับผัด
อุด้ง [Udon] เส้นบะหมี่ญี่ปุ่น ทำจากแป้งสาลีผสมเกลือและน้ำเล็กน้อย นวดและตัดเป็นเส้นยาวมีขายทั้งชนิดเส้นแห้งและเส้นสด
ชิราตากิ [Shirataki] เส้นขาวใสคล้ายวุ้นเส้น แต่เส้นใหญ่กว่า ทำจากหัวบุก นิยมใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟ ก่อนทำอาหารต้อง
ลวกในน้ำเดือดให้หมดกลิ่นคาว
เกี๊ยวช่า [Gyoza] แผ่นเกี๊ยวสำหรับทำเกี๊ยวซ่า ซึ่งเป็นอาหารว่างของญี่ปุ่น
ปลาโออบแห้ง[Katsuo bushi] ดป็นเนื้อปลาโอไสเป็นแผ่นบาง อบจนแห้ง สำหรับทำน้ำซุป [Dashi]
การิ[Gari] ขิงดอง เป็นเครื่องแนมในอาหารชนิดต่างๆ
ตะกวง[Takuan] หัวไชเท้าดอง มีสีเหลือง ทำเป็นไส้ของซูชิ และเป็นของแนม
คุโระโกมะ-โกมะ [Kurogoma-goma] งาดำ งาขาว เครื่องปรุงที่ใช้ใส่ในน้ำจิ้มชนิดต่างๆ และเคล้าในอาหาร
ผักสดชนิดต่างๆ

เอโนะคิตากิ[Enokitaki Mushroom] หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดเข็มทอง ใช้เป็นผักในอาหารหม้อไฟชนิดต่างๆเช่น สุกี้ยากี้ ชาบุชาบุ
ชิเมจิ[Shimeji Mushrooms]เห็ดหอมสดญี่ปุ่น มีดอกขนาดเล็ก ใส่ในอาหารหม้อไฟชนิดต่างๆ
ไควาเระ [Kaiware] เป็นถั่วงอกของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ใส่เป็นผักในเครื่องปรุงของอาหารญี่ปุ่นหลายจาน ทั้งสุกี้ยากี้ ชาบุชาบุ สเต็ก เป็นต้น
ไดกง [Daikon] หัวไชเท้า เป็นผักที่ขูดเป็นเส้นฝอย รับประทานกับซาซิมิชนิดต่างๆ กับปูอัด และฝนจนละเอียด ไว้รับประทานกับเทมปุระ
โดยวางขิงขูดฝอยไว้ด้านบน
โชหงะ [Shoga] ขิง ขิงอ่อนใช้ดองสำหรับเป็นของแนม ขิงแก่นำมาฝนจนละเอียดเป็นของแนมกับเทมปุระ
เรงกง[Renkon] รากบัว นำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
นะซึ [Nazu] มะเขือม่วง มีสีม่วงเกือบดำ ผลยาวเรียวเล็กนำมาฝานเป็นแผ่นบางโดยไม่ให้ขาดออกจากกัน เป็นผักเทมปุระ
คะโบจะ [Kabocha] ฟักทองญี่ปุ่น เปลือกเรียบ นิยมนำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
ทาโระ-อิโมะ [Taro-imo] เผือกนิยมนำมาชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
เคียะเบ๊ททสึ [Kyabetsu] กะหล่ำปลี ผักในอาหารประเภทสเต๊กชนิดต่างๆ
ชิโซะ [Shiso Leaf] ใบเบญจมาศญี่ปุ่น ชุบแป้งทอดทำเทมปุระและใช้ตกแต่งจานอาหารชนิดต่างๆ
โอกุระ [Okura] กระเจี๊ยบ เป็นผักแนมกับสเต็ก ใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟ
คิวริ [Kyuuri] แตงกวาญี่ปุ่น ลักษณะลูกยาวเรียว ผิวขรุขระ

เครื่องปรุงรส

โชยุ [Shoyu] ซีอิ๊วญี่ปุ่น ราชาเครื่องปรุงรสในอาหารญี่ปุ่น ใช้ปรุงรสอาหารแทบทุกชนิด ทั้งใส่ในอาหารและทำน้ำจิ้ม ซีอิ้วญี่ปุ่นมี 2 ชนิด คือ
ชนิดเค็มมากซึ่งก่อนใช้จิ้มกับซูชิต้องผสมกับน้ำสต๊อกให้เจือจางเสียก่อน และซีอิ๊วญี่ปุ่นชนิดเค็มน้อย
เต้าเจี้ยว [Miso] มี 2 ชนิด คือ คาราคุจิ โดเมะ มิโสะ เป็นเต้าเจี้ยวขาวที่ใช้ในการ ทำซุป เนื้อหยาบ เวลาทำซุปต้องกรอง ราคาไม่แพง
และมุงิ มิโสะ เป็นเต้าเจี้ยวขาวแบบสำเร็จรูป เนื้อละเอียด ราคาค่อนข้างแพง
นัตโต [Natto] ถั่วเหลืองหมัก ใส่ในอาหารชนิดต่างๆ หรือนำมาคลุกข้าว
มิริน [Mirin] เหล้าที่มีรสหวาน ใส่ในอาหารได้หลายประเภท
โกมะอาบุระ [Goma-abura] น้ำมันงา
ฮอนดาชิ [Hondashi] ผงชูรสญี่ปุ่น
เหล้าสาเก [O-sake] เหล้าที่ใส่ในอาหารหรือดื่มก็ได้
โซซุ [Sosu] ซอสเปรี้ยว นำมาปรุงอาหารประเภทผัดหรือจิ้มหมูทอด
ชิจิมิ-โทการาชิ [Togarashi] พริกป่น ใส่ในอาหารที่ต้องการรสเผ็ด ส่วนใหญ่ รับประทานกับไก่ย่าง[Yakitori]
ซุ [Su] น้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าวญี่ปุ่นสำหรับปรุงรส แยกออกเป็น 2 ชนิด คือ นิไฮซุ [Nihaizu] เป็นน้ำส้มสายชูที่มี 2 รส คือ
รสเปรี้ยวกับเค็ม และ ซัมเบซุ [Sanbezu] เป็นน้ำส้มสายชูที่มี 3 รส คือ รสเปรี้ยว เค็ม หวาน
วาซาบิ [Wasabi] มัสตาร์ดเขียว มีให้เลือกซื้อหลายชนิดด้วยกัน ทั้งชนิดผง ที่บรรจุซอง ถุง หรือกระป๋อง และแบบผสมให้เสร็จแล้วบรรจุหลอด
และแบบผสมเองใส่ถุงเล็กๆขาย ซึ่งทำให้มัสตาร์ดมีกลิ่นฉุนน้อยลง

อุปกรณ์ชนิดต่างๆ

ฮะชิ[Hashi] ตะเกียบ มี 2 ชนิดคือ ตะเกียบสำหรับใช้ในการปรุงอาหาร และตะเกียบสำหรับรับประทานอาหาร
ริคิว [Rikyu] คือ ตะเกียบที่มีความยาวเป็นพิเศษ ใช้สำหรับทอดอาหาร
โชจิน [Shojin] ตะเกียบที่ใช้รับประทานอาหารตามบ้าน มีลักษณะปลายเรียว แหลม
วาริบาชิ [Waribashi] ตะเกียบที่ทำด้วยไม้ไผ่บางๆ มีลักษณะติดกัน เวลาใช้รับประทานอาหารต้องดึงตะเกียบให้แยกออกจากกัน ตะเกียบชนิดนี้
ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง
ฮาชิโอคิ [Hashi Oki] เป็นที่วางตะเกียบ มีมากมายหลายรูปแบบเพื่อไม่ให้ปลายตะเกียบเลอะโต๊ะอาหาร
สุโนะโคะ [Sunoko] คือ มู่ลี่ไม้ไผ่สำหรับม้วนซูชิ หรือ ไว้สำหรับวาง โซบะ(ซารุโซบะ)
เบนโต [Bentoo] กล่องสี่เหลี่ยมใหญ่สำหรับใส่อาหารเที่ยงรับประทานนอกบ้าน

หวังว่าคงเป็นความรู้ได้บ้างนะครับ (*บทความจากหนังสือ อาหารญี่ปุ่น สนพ. แสงแดด)

สูตรอาหารญี่ปุน 1

อาหารญี่ปุ่น การปรุงแต่งแบบมีศิลปะ ข้าวปั้น ข้าวห่อสาหร่าย ปลาดิบ ฯลฯ อาหารตามแบบชาวอาทิตย์อุทัย ปรุงให้ถูกรสปากคนไทย
แซนด์วิชซูชิ
ส่วนผสม ( สำหรับ 1-2 คน )
• กากเทมปุระ 2 ช้อนโต๊ะ
• ซอสพริก 1 ช้อนชา
• มายองเนส 2 ช้อนโต๊ะ
• ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
• สาหร่ายแห้ง 2 แผ่น
• เนื้อปลาโอ 4 ชิ้น
• ข้าวซูชิ 1 กำมือ
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อปลาโอดิบเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เนื้อปลาจะแช่เย็นหรือไม่แช่ก็ได้ ถ้าแช่เย็นจะลดกลิ่นคาว
2. นำส่วนประกอบกากเทมปุระ ซอสพริก มายองเนส ต้นหอมซอย มาคลุกให้เข้ากันกับเนื้อปลาโอ
3. วางสาหร่าย 1 แผ่นใหญ่ ใส่ข้าวซูชิที่สุกแล้วให้เต็มแผ่น โรยงาขาว เตรียมไว้สำหรับวางเนื้อปลา
4. ส่วนสาหร่ายอีกหนึ่งแผ่นให้ใส่ข้าวและโรยงาขาวเช่นกัน ไว้สำหรับประกบเป็นแซนด์วิช
5. นำเนื้อปลาโอที่คลุกเคล้าส่วนผสมต่างๆ วางบนข้าวห่อสาหร่าย แล้วนำมาประกบ ให้สาหร่ายอยู่ด้านในติดกับเนื้อปลา
6. ตัดเป็นชิ้นในลักษณะทแยงมุมจะได้แซนด์วิชซูชิเวลาในการปรุง 10 นาที
ราคาประมาณ 120 บาท

หอยตลับต้มสาเก
ส่วนผสม ( สำหรับ 1 คน )
• หอยตลับ 6-7 ตัว
• น้ำซุปปลาแห้ง 500 ซี.ซี.
• เกลือป่น 1 ช้อนชา• ต้นหอม 1 ต้น
• สาเก 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เลือกหอยตลับที่สด แล้วนำมาล้างให้สะอาดใส่ตะแกรงพักไว้สักครู่ รอจนกว่าหอยจะสะเด็ดน้ำ
2. น้ำเปล่า 1 ลิตร ตั้งไฟพอร้อน แล้วใส่ปลาแห้งญี่ปุ่นประมาณ 1 กำมือ รอให้เดือดสักพักจึงยกลงก็จะได้น้ำซุปปลาแห้ง สำหรับการปรุงอาหาร
3. ตักน้ำซุปปลาแห้งมาประมาณ 500 ซี.ซี. แล้วตั้งไฟโดยใช้ความร้อนปานกลาง ค่อยเติมเกลือใส่ความเค็มตามชอบ
4. เมื่อน้ำเดือด ใส่หอยตลับลงไป รอจนฝาหอยเปิดแล้วจึงใส่ต้นหอมที่หั่นเป็นท่อนๆ ตามลงไปและราดด้วยสาเก
5. จากนั้นจึงยกลง ตักใส่ถ้วยรับประทานร้อนๆ ไม่ควรต้มหอยตลับนานมากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อเหนียวเวลาในการปรุง 10 นาที
ราคาประมาณ 80 บาท

สลัดไข่กุ้ง
ส่วนผสม ( สำหรับ 1-2 คน )
• สาหร่ายไคโซ 1 ขีด (ใช้สีเขียว , สีแดง)
• แตงกวาญี่ปุ่น 1 ลูก• หน่อไม้ฝรั่ง 3 ต้น
• ไข่กุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ• ปูอัด 1 แท่ง
• มายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เริ่มจากล้างผักต่างๆ ด้วยน้ำสะอาด แล้ววางใส่ตะแกรงรอให้สะเด็ดน้ำ
2. ต้มน้ำใช้ไฟกลาง พอร้อนให้นำหน่อไม้ฝรั่งลงลวกพอสุกจึงยกลง แล้วนำมาตัดให้เป็นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้ว
3. แตงกวาญี่ปุ่นนำมาหั่นเป็นแว่นตามขวาง ขนาดบางกำลังดีเรียงในชามแก้ว
4. จากนั้นใส่หน่อไม้ฝรั่ง สาหร่ายไคโซสีเขียว สีแดง ถ้าหากหาซื้อสาหร่ายไคโซไม่ได้ จะใช้กะหล่ำปลี ผักกาดหอม หรือผักสลัดชนิดอื่นแทนก็ได้
5. ปูอัดนำมาฉีกเป็นเส้นฝอย โรยหน้าบนผักสลัด
6. ราดด้วยมายองเนสรสเข้มข้น เติมไข่กุ้งลงไปบนมายองเนส จะได้สลัดไข่กุ้งสีสันน่ารับประทานเวลาในการปรุง 10 นาที
ราคาประมาณ 120 บาท

ข้าวห่อสายรุ้ง
ส่วนผสม ( สำหรับ 1-2 คน )
• แตงกวา 1 ลูก• ปูอัด 2 ชิ้น
• หน่อไม้ฝรั่ง 3 ต้น• สาหร่าย 1 แผ่นใหญ่
• ปลากะพง 2 ชิ้น• ปลาแซลมอน 2 ชิ้น
• ปลาโอ 2 ชิ้น
• ข้าวซูชิ 1 กำมือ
วิธีทำ
1. เตรียมปูอัด หน่อไม้ฝรั่ง พร้อมกับแตงกวา 2 ชิ้น โดยหั่นให้เป็นแท่งยาวประมาณ 2 นิ้ว
2. วางสาหร่ายแผ่นใหญ่ ใส่ข้าวซูชิที่หุงสุกแล้ว จัดให้เป็นชั้นบางๆ วางให้เต็มแผ่นสาหร่าย แล้วกลับด้านให้สาหร่ายอยู่ด้านบน
3. ให้เอาข้าวซูชิใส่ลงบนสาหร่ายอีกชั้นหนึ่งบางๆ แล้ววางปูอัด หน่อไม้ฝรั่ง แตงกวาลงบนข้าว
4. จากนั้นจึงห่อม้วนแล้วใช้ไม้กดเพื่อเป็นแท่งสี่เหลี่ยม
5. สไลด์เนื้อปลากะพง ปลาแซลมอน และปลาโอ นำไปวางสลับบนข้าวที่ม้วนแล้ว
6. เพื่อความสวยงามให้เหมือนเป็นสีสายรุ้ง อาจใช้แตงกวาวางสไลด์บนข้าวสลับกับเนื้อปลาต่างๆ แล้วใช้ไม้กดเพื่อให้ปลาและแตงกวาติดกับข้าว
7. หลังจากนั้นจึงตัดเป็นก้อนๆ ขนาดพอคำ ทานกับซอสญี่ปุ่นผสมวาซาบิ และขิงดองเวลาในการปรุง 10 นาที
ราคาประมาณ 150 บาท

หมูห่อเห็ดเข็มทองผัดกับขิงซอย
เครื่องปรุง ( 1-2 คน )
• เนื้อหมู 4-5 ชิ้น
• เห็ดเข็มทอง 1 ห่อ
• ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาล ½ ช้อนชา
• น้ำซุปปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• ขิงสับ 1 ช้อนชา
• ต้นหอม 1-5 ต้น
วิธีทำ
1. ปลาแห้ง 1 กำมือ ต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร ต้มให้เดือดสักพักจึงยกลง
2. สไลด์เนื้อหมูเป็นแผ่นบางๆ 4-5 ชิ้น วางเรียงใส่เห็ดเข็มทองลงไปพอประมาณม้วนเข้าหากัน
3. นำหมูที่ห่อด้วยเห็ดแล้วลงไปผัด คอยกลับด้านจนกว่าหมูจะสุก
4. ปรุงรส โดยใส่น้ำตาล ซีอิ๊วญี่ปุ่น เมื่อหมูสุกแล้วใส่ขิงฝอยตามลงไป
5. จากนั้นจึงตักขึ้นใส่จานที่เตรียมไว้ ราดด้วยน้ำซุปปลาแห้ง แล้วแต่งหน้า เพื่อให้ดูมีสีสันน่ารับประทานด้วยหอมซอย
6. ทานแกล้มกับสลัดผัก จะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้นเวลาในการปรุง 10 นาที
ราคาประมาณ 120 บาท

หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว
เครื่องปรุง ( 1-2 คน )
• หัวปลาแซลมอน ½ หัว
• น้ำซุปปลาแห้ง 750 ซี.ซี.
• ซีอิ๊ว 150 ซี.ซี.
• มิริน 150 ซี.ซี. (เหล้าหวานญี่ปุ่น)
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• แครอต , เห็ดหอม
• ขิงซอย , หน่อไม้ฝรั่ง
วิธีทำ
1. ล้างหัวปลาให้สะอาด นำไปขอดเกล็ดออก โดยลวกในน้ำร้อน
2. ปลาแห้ง 1 กำมือ ต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร ต้มให้เดือด
3. นำน้ำซุปปลาไปตั้งไฟให้ร้อน แล้วปรุงรสพร้อมทุบขิงแก่ 1 แง่ง ตามลงไป และใส่เห็ดหอม แครอต ลงต้มในหม้อน้ำซุป
4. เมื่อน้ำเดือดให้ใส่หัวปลาแซลมอนลงไป (ปลาจะไม่มีกลิ่นคาว) รอให้เดือดอีกครั้ง จึงหรี่ไฟให้อ่อนลงปิดฝาหม้อแล้วเคี่ยวต่อประมาณ 15 นาที
5. ตักขึ้นใส่จาน จัดแต่งให้สวยด้วยหน่อไม้ฝรั่งลวกขิงซอย ถ้าไม่มีหน่อไม้ฝรั่ง ใช้ผักอย่างอื่นที่เป็นสีเขียวแทนได้ จะทำให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้นเวลาในการปรุง 20 นาที
ราคาประมาณ 200 บาท

อาหารกล่องที่ชื่นชอบ



รูปแบบการจัดอาหารตามแต่จะต้องการ
มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน รับประทานง่าย สะดวก
ทุกที่ทุกเวลา Arigato Bento



วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2550

อาริกาโต้ เบ็นโตะ อาหารกล่องคุณภาพสำหรับคุณ



อาหารกล่อง อาริกาโต้ เบ็นโตะ เป็นอาหารที่เราให้บริการตามงาน
จัดเลี้ยง สัมนา ประชุม ทัศนศึกษา ฯลฯ ตามแต่โอกาศที่ท่านต้องการ
โดยมีเมนูที่หลากหลายให้ท่านเลือก
เรามุ่งเน้นทีคุณภาพ ภายใต้แนวคิดที่ว่า The Great Cuisine ซึ่ง
เป็นความหมายตรงๆ ตามที่บอกอยู่แล้วครับ.











วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2550

อาหารกล่องที่เรียกว่า "มะกุโนะอุชิ เบ็นโต" นั้น แปลตามตัวอักษรคืออาหารกลางวันระหว่างม่านครับ ประกอบด้วยอาหารที่ทำด้วยเครื่องปรุงหลากหลายและปรุงด้วยวิธีต่างๆ กัน เช่น มิโนะโมะ คือ ผักต้ม ยะกิโมะโนะ คือ ปลาย่าง ซุโนะโมะโนะ คือ อาหารประเภทปลาและผักที่แช่น้ำส้มมาแล้ว อะเงะโมะโนะ คือ อาหารประเภททอด ซุเกะโมะโนะ คือ ผักดอง การเปิดกล่องมะกุโนะอุชิเบ็นโตจึงเป็นเรื่องเพลิดเพลินมากสำหรับชาวญี่ปุ่น มะกุโนะอุชิ เบ็นโต มีต้นกำเนิดในสมัยเอโดะครับ
เมื่อประชาชนออกไปหาความสำราญจากการดูละครจะมีการจัดข้าวสวยและกับข้าวออกขายให้ผู้ชมรับประทานระหว่างที่ปิดผ้าม่านให้ละครหยุดพักครึ่งเวลา ในขณะที่อาหารตะวันตกจะให้ความสำคัญกับอาหารจานหลักมากที่สุด แต่อาหารญี่ปุ่นจะจัดอาหารมากมายหลายชนิดที่เป็นอาหารที่ได้จากทะเลบ้าง อาหารที่ได้จากภูเขาบ้าง และอาหารที่ได้จากท้องถิ่นบ้าง สำหรับมะกุโนะอุชิเบ็นโตนั้นจะจัดเรียงอย่างสวยงามมีความกลมกลืนกันทั้งหมด แสดงให้เห็นสุนทรีย์ทางด้านความงามของคนญี่ปุ่นครับ
นอกจากมะกุโนะอุชิเบ็นโตแล้ว ยังมีเบ็นโตแบบอื่นๆ อีกเช่น เบ็นโต แบบง่ายๆเรียกว่า โอะ-เบ็นโต คือ ข้าวปั้น และ ฮิโนะมะรุเบ็นโต ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับธงชาติญี่ปุ่น ฮิโนะมะรุ หมายถึง ธงชาติของญี่ปุ่นซึ่งมีพระอาทิตย์สีแดงอยู่บนพื้นสีขาว ฮิโนะมะรุเบ็นโตจึงประกอบด้วยข้าวสวยสีขาวและอุเมะโบะฌิ คือลูกบ๊วยดองสีแดงอยู่ตรงกลาง นอกจากนั้นตามร้านขายเบ็นโต มุมขายเบ็นโตในซุปเปอร์มาร์เก็ต และคอนวีเนี่ยนซ์สโตร์ มักจะมีโอะ-เบ็นโต หลายชนิดเช่น ซุฌิเบ็นโต ทงกะท์ซุเบ็นโต สุกียากี้เบ็นโต เป็นต้น รวมทั้งเบ็นโตร้อนๆ ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ก็มีขายด้วยครับ
ส่วนเบ็นโตที่เป็นที่นิยมและเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นก็คือ เอะกิเบ็น ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า เบ็นโตตามสถานีรถไฟ โดยเบ็นโตแบบนี้จะวางขายตามสถานีรถไฟ เริ่มแพร่หลายตั้งแต่ปลายสมัยเมจิและต้นสมัยทะอิโฌ ทั้งนี้แต่ละภูมิภาคจะมีเบ็นโตของตนเองที่สามารถอวดรสชาติท้องถิ่นของตนเองได้คล้ายๆ กับอาหารชื่อดังตามภาคต่างๆ หรือจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทยนี่แหล่ะครับ
ว่าแล้วผมก็นึกอยากกินเบ็นโตขึ้นมาทันทีตามนิสัยเดิมของผม คงต้องรีบไปสั่งเบ็นโต เซ็ทที่ Arigato Bento มารับประทานแล้วหล่ะครับเพื่อนๆ ใครสนใจตามผมไปได้เลยนะครับ 089-773-2442